เครือข่ายภาคประชาชน ปลุกพลัง “การเมืองข้างถนน” ลุกขึ้นต่อต้านการเข้าทำลายกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุล ปิดปากสื่อ เตือนหากกลไกตรวจสอบถูกปิดกั้นทุกวิถีทางแรงต้านจะแรงขึ้น…
นางรสนา กล่าวต่อว่า นับจากนี้การเมืองข้างถนนโดยพลังของประชาชนจะแรงขึ้น เพราะกลไกตรวจสอบที่เป็นกติกาและสังคมยอมรับถูกปิดกั้น ทำงานไม่ได้ หรือไม่ทำงานอย่างสภาที่มีแต่โมฆะบุรุษ แอบอ้างอำนาจของประชาชน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องเจอกับพลังประชาชนซึ่งยังถือสิทธิอธิปไตยมีสิทธิ์ลุกขึ้นมาเดินขบวนขับไล่และปฏิวัติ “อย่าลืมว่าสาระสำคัญของระบอบประชาธิปไตยก็คือจะต้องมีระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล และประชาชนคือผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย มีสิทธิ์ยึดอำนาจคืนหากเห็นความไม่ถูกต้อง” นางรสนา กล่าว นางรสนา ยังกล่าวว่า กลุ่มทุนใหญ่ที่ผูกขาดและเติบโตอย่างมาก คืออนุมูลอิสระที่กำลังกลายสภาพเป็นมะเร็งร้ายทางสังคม ทำให้สังคมขาดดุลยภาพ ซึ่งรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลควบคุม แต่ขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ต้องการรักษาผลประโยชน์ของรัฐซึ่งหมายถึงประชาชนเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน สังคมที่เกิดมะเร็งร้ายก็จะเหมือนร่างกายที่ถูกมะเร็งกัดกินและตายไปในที่สุด ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึง กรณีที่บอร์ด อสมท.มีมติปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์โดยอ้างว่าพาดพิงคนอื่นในลักษณะเมิดสิทธิคนอื่นโดยไม่โอกาสชี้แจง ว่าเป็นมติที่เลือกปฏิบัติอย่างน่าละอายที่สุด เพราะรายการสมัคร-ดุสิต คิดตามวัน ทางช่อง 9 เข้าข่ายยั่วยุละเมิดสิทธิและกล่าวหาคนอื่นโดยที่ผู้ถูกพาดพิงไม่มีโอกาสชี้แจงเช่นกัน แต่รายการนี้กับอยู่ยงคงกระพันและได้คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 94 ในเครือ อสมท. อีก การอ้างว่ารายการดังกล่าวละเมิดพระราชอำนาจนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อฉวยโอกาสปลดรายการนี้ทิ้งเท่านั้น ทั้งที่เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชอำนาจที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เอามาเล่า เป็นไปเพื่อพิทักษ์รักษาพระราชอำนาจของในหลวงไว้ต่างหาก ผมเชื่อว่าเป็นการรุกคืบจัดระเบียบวงการสื่อสารมวลชนครั้งใหญ่ของกลุ่มทุนธุรกิจการเมือง ภายใต้ “ชินวัตรโมเดล” หนึ่งรัฐมนตรีหนึ่งสื่อ ซึ่งเริ่มต้นจากการยึดไอทีวี โดยตระกูลชินวัตร การเข้าไปซื้อหุ้นเครือเนชั่นของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ การเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์เครือมติชนและโพสต์ ของเครือแกรมมี่ซึ่งเป็นกลุ่มทุนพันธมิตรชินวัตร และการปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ผมเข้าใจว่าคงเป็นการเคลียร์ทางรองรับเจ้านายใหม่ที่กำลังเตรียมเข้ามาซื้อหุ้นและเป็นเจ้าของ อสมท.จากเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจของประชาชน ก่อนหน้านี้ก็ทราบกันดีว่า ช่อง 3 5 7 11 และ ยูบีซี คนในรัฐบาลก็นั่งเป็นเจ้าของทั้งนั้น” นายสุริยะใส กล่าว นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า สังคมต้องช่วยกันต่อต้าน “ชินวัตรโมเดล” และอยากเรียกร้องฝ่ายค้านร่วมกับภาคประชาสังคมเร่งยกร่างกฎหมาย จำกัดจำนวนการถือหุ้นข้ามสื่อเพื่อแก้ปัญหา การถือหุ้นไขว้ระหว่างสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่อวิทยุ โทรทัศน์ เพราะแนวโน้มการครอบงำสื่อมีลักษณะทุนกลุ่มเดียวเข้าไปเป็นเจ้าของสื่อหลายประเภทพร้อมๆ กัน |
|||||||||
|
Be the first to comment on "ปลุกพลัง การเมืองข้างถนน ขับไล่อำนาจมืดครอบงำสื่อ"