MENU

พลังปัญญาดับไฟ

Subject: พลังปัญญาดับไฟ
Date: Wed, 21 Apr 2010 05:43:26 +0000
สวัสดีครับ พี่น้องและเพื่อนๆทุกคน
หลังจากที่ผมได้เขียนจดหมายแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกใน “ครุ่นคำนึง”เมื่อหลายวันก่อน  ผมก็ได้เดินสายไปพบปะสนทนากับแกนนำจากโคราช เช่นอ.ปรีชา อุยตระกูล อ.เป๋ง(สมพันธ์ เตชะอทึก)ซึ่งวันนี้ได้เป็นดร.เป๋งแล้ว พบน้องๆบางคนจากกลุ่มวงล้อที่เป็นปัญญาชน พบกันที่บ้านคุณเหน่งที่เขาใหญ่  ใช้กระบวนกาทำtime line เพื่อวิเคราะห์บทเรียนการเมืองไทย ๓๗ ปีหลัง ๑๔ ตุลาฯ  ทำให้เราเห็นพลวัตของสถานการณ์ทีคดเคียว เปราะบาง มีอันตรายและโอกาสไปพร้อมๆกัน เราเห็นความเป็นไปได้ของจุดเปลี่ยน “ถ้ามีการปฏิบัติที่ผ่านการครุ่นคิดใตร่ตรอง 

โดยเฉพาะมี “ปิ๊งแวบ”(intuition)แบบเซ็น มาเสริมการวิเคราะห์แบบตรรกะเชิงเส้นตรงที่เราคุ้นชิน  หลังจากนั้นผมได้ช่วยงานพี่น้องที่จ.ตราด ทำเวิร์กชอป เรื่องงานบูรณาการมีทั้งเสื้อเหลือง  เสื้อแดง เสื้อหลากสีและทหารจากกอรมน.เข้าร่วม๓ วัน .. เห็นชัดเจนว่าทุกๆคนต้องการปฏิรูปสังคมไทยอย่างรอบด้าน ต้องการสังคมที่มีความยุติธรรมและเสมอภาคถ้วนหน้า  มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่ได้รับการเคารพ .. และเห็นความเหนื่อยหน่ายสิ้นหวังกับนักเลือกตั้ง(แต่จำเป็นต้องเลือก เพราะว่าเป็นประชาธิปไตย  ไม่เอาเผด็จการทหาร) แล้วไม่ได้คาดหวังว่าจะดีขึ้นแม้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ภายในปีนี้  ถ้าปัญหาเชิงโครงสร้าง และความคิด ซึ่งรวมไปถึงการยึด “คุณค่า” (values)ยังเป็นแบบเดิม ผมได้เห็นว่า ความตึงเครียด(tension) ระหว่างความเป็นจริงของสถานการณ์ในปัจจุบัน  และความปรารถนาที่จะไปสู่อนาคตที่ดีกว่า  มันยื้อกันไปมา แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้ดีว่าความตึงเครียดนั้นสามารถแปลงรูปเป็นพลังขับเคลื่อนที่มีประโยชน์ได้ถ้าเล่นกับมันเป็น  เช่นการยิงธนูไปสู่เป้าหมาย  เราต้องดึงสายธนูให้ตึงจนสุดแขน  สายธนูจะมีความเครียด(tension)แต่ซ่อนพลังเอาไว้  เมื่อมีสมาธิแบบที่อรชุนเล็งไปที่เป้าหมาย  แล้วปล่อยให้ลูกศรพุ่งออกจากแล่ง  พลังนี้จะส่งลูกศรไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา   

พวกเรานักเคลื่อนไหวทางสังคมต้องรู้จัดเล่นกับ creative tension…ทำใจให้สงบ มองภาพรวมทั้งหมดอย่างไม่เข้าข้างตนเองก่อน take action มิฉนั้นจะกลายเป็น action for action ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายออกไปดังที่ได้ทำมาจถึงวันนี้   สำหรับผมแล้วแม้ใจจะเศร้า และหวาดหวั่นที่คนไทยอาจจะใช้ความรุนแรงต่อกันอีกดังวันที่ ๑๐ เมย. ผมพยายามระงับ  ทำให้ใจสงบมีสมาธิและปลอดโปร่ง รอจังหวะและโอกาสที่มันเอื้ออำนวยให้เราลงมือ  และแล้วโอกาสนั้นก็ผ่านเข้ามา  ขณะที่นอนหลับๆตื่นคอยติดตามสถานการณ์ทางทีวีคืนวันที่ ๑๖ เมย. ผมได้ยินเสียงของรสนา โตสิตระกูล  ซึ่งไม่ได้พบกันมากว่า ๒ปีแล้ว เมื่อผมฟังรสนาพูด  แล้วบอกตัวเองว่าเขาคิดเหมือนเราทุกอย่าง  และรสนาสามารถยกตัวอย่างได้ดีมากๆให้คนฟังเข้าใจภาพของสถานการณ์สังคมไทยวันนี้ในการที่ผู้ก่อการร้าย  เอาคนในรถเมล์เป็นตัวประกันดังในภาพเรื่อง speed ซึ่งฉายเมื่อประมาณ ๒๐ ปีมาแล้ว  การทำให้ผู้อื่นเข้าใจโดยใช้อุปมาอุปมัยของรสนาทำได้ดีมากๆ  วันรุ่งขึ้นผมขอเบอร์จากสมลักษณ์โทรไปคุยกับรสนาแสดงความชื่นชมและบอกว่าคิดเหมือนกันทุกๆอย่าง จากความรู้สึกที่ผุดบังเกิดอย่างฉับพลันว่าเราต้องโทรไปหาเธอ แสดงความชื่นชมและบอกว่าคิดตรงกันเป๊ะเลย ผมใช้ความรู้สึกของผม  แล้วจูนตนเองให้สอดคล้องกลมกลืนกับสถานการณ์ดังที่เคยฝึกไอคิโด้  มันนำผมไปสู่สถานการณ์ใหม่ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ดังที่เราเคยอ่านเต๋า เต็ก เก็ง open yourself to tao  and you become one with tao

…วันต่อมารสนา สมลักษน์และด้วง มูลนิธิชุมชนไท  ได้นัดหมายสนทนากับพี่น้องภาคประชาสังคมกันวันที่ ๒๐ เมย. โดยมีมรว.อคิน ระพีพัฒน์ อ.บัณฑร อ่อนดำ และพี่น้องพอช. เป็นต้น นพ.นิรันดร์ เตือนใจ(แดง) ก็มาร่วมสนทนาด้วย ในระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมาผมคิดว่าเย็นของวันที่ ๒๐ เมย.นการสนทนาที่ดีมากๆ ทำให้เกิด collective wisdom ที่ไปสู่การปฏิบัติได้  เพราะเราไม่ได้มาถกเถียงเรื่องทฤษฎี  แต่เป็นเรื่องที่พยายามเข้าใจ “สภาพที่เป็นจริงโดยรวม  เห็นภาพใหญ่ทั้งภาพ”(big picture) ว่าถ้าจะดับไฟที่ราชประสงค์โดยที่สถานการณ์ยังไมสุกงอมทางการเมือง  ยังสร้างฝายไม่ให้น้ำจากต่างจังหวัดและจากชุมชนแออัดไหลเข้าที่ราชประสงค์  แล้วไม่ดึงน้ำจากราชประสค์ให้ไหลออก  แยกปลาออกจากน้ำยังไม่ได้ การจับปลาปารินย่าที่เป็นหัวโจก๒๐ กว่าตัวและมีกองกำลังติดอาวุธร้ายแรงคุ้มครองอยู่นั้นจะเป็นชัยชนะเฉพาะที่และชนะชั่วคราวที่จะนำมิคสัญญีให้ติดตามมาภายหลัง  แล้วเศรษฐกิจไทยจะทรุดลงอย่างต่ำๆ ๕ปี มันอาจจะนำสังคมไทยไกล้กับการเป็นระวันด้า  หรือเลบานอนภาคแรก

เมื่อเราตระหนักความเร่งด่วนเฉพาะหน้ามี sense of emergency ร่วมกันแล้ว เราคุยกันเรื่องยุทธศาสตร์ที่ตลงมือทำและมีผลสะเทือนต่ออนาคตฉับพลัน( the future is now)

๑ ต้องทำให้นายกฯอภิสิทธิเห็นภาพใหญ่ที่เป็นพลวัตอย่างที่พวกเราเห็น  เห็นอย่างแจ่มชัด มี conscious

๒ ต้องสร้างเวทีใหม่แข่งกับเวทีเสื้อแดงที่ราชประสงค์ใหม่ต้องเป็นเวทีแห่งการปฏิรูปประเทศไทยที่ดึงน้ำออกจากปลา  ต้องให้นายกฯพบประชาชนตัวจริงมีตัวแทนจากชาวบ้าน  จากชนชั้นกลาง  เยาวชนและธุรกิจ คุยกันสัก ๓ ชั่วโมง ออกรายการสดทางโทรทัศน์  ชาวบ้านพูดถึงปัญหาสั้นกระชับและเสนอทางออกให้นายกฯ  เรื่องใดที่นายกฯมีอำนาจสั่งการได้หรือทำได้ให้รับปากสัญญา  ทำทันที  ประเด็นใดต้องเข้าครม.ให้รับปากนำเข้าทันที  เรื่องที่ซับซ้อนใช้เวลาก็บอกมา  เป็นการเริ่มต้นการปฏิรูปประเทศไทยโดยประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่วันนั้นเลย  และวันทีออกทีวีร่วมกับประชาชนขอให้ประกาศการปฏิรูปเป็นวาระแห่งชาติเพื่อเอาชนะวิกฤต  ผมว่าถ้านายกฯอภิสิทธิทำตามข้อเสนอของพวกเรา นายกฯจะได้แสดงภาวะผู้นำยามวิกฤต  ดังที่ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล ในสงครามโลกครั้งที่สอง
๓ พวกเราภาคประชาสังคม ตกลงว่าจะเคลื่อนไหวแบบอุ่นเครื่อง จุดประกายการปฏิรูปให้เกิดทั่วแผ่นดิน โดยจะเชิญประชาชนทุกสาขาอาชีพ และเยาวชน มาจากหลากสี ๑๐๐๐ คน มาพบกันวันที่ ๒๙ เมย. ระดมสมองหนึ่งวันเพื่อหาทางทำให้ “การปฏฺรูปประเทศไทยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง”ได้ทำจริง

จึงอยากให้พวกเราเตรียมตัวที่จะมาพบกัน ขอให้ชวนเพื่อนๆที่มีเจตจำนงมุ่งมั่นอยากช่วยเหลือมาพบกัน  ร่วมกันคิดร่วมกันทำ
ผมคิดว่าเราหางบประมาณ  สำหรับสถานที่ อาหารและค่าใช้จ่ายในการจัดการอื่นๆได้  แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีค่าที่พัก ค่าเดินทางไหม  อาจจะต้องเสียสละกันบ้า  งดังพวกที่เคยออกค่าใช้จ่ายเองในการมาชุมนุมพันธมิตรได้ทำมาแล้ว

รายละเอียดของสถานที่และกำหนดการของวันที่ ๒๙ เมย.จะติดตามมา  เฉพาะหน้านี้ผมขอให้ท่านส่งรายชื่อที่แจ้งความจำนงว่าจะเข้าร่วมมาที่ civicnet เพราะเราจะได้รู้ว่าจะมีคนมากเท่าใด  จะได้จัดสรรโค้วต้ากันถูก  ขอให้พวกเราเห็นใจคณะผู้จัดด้วย

ก่อนจะจบพวกเราคงจำกันได้ในระยะ ๒ ปีหลัง  ผมมักย้ำเรื่องการจูนตนเองให้สอดคล้องกับจังหวะและลีลาของสถานการณ์  ให้สงบ  มีสมาธิ  แล้วฟังเสียงหัวใจ  ฟังเสียงจากภายใน  และมองเหตุการณืเรื่องราวให้มี การหยั่งเห็น(insight) ก่อนลงมือทำ

ผู้นำที่ดีต้องตัดสินใจ(making decision)และเลือกในสิ่งที่ควรทำ (making choice) และจังหวะแห่งการลงมือทำ

เมื่ออ่านจดหมายน้อยของผมจบแล้ว ช่วยนั่งสงบๆหลับตาสักสองสามนาที ฟังเสียงจากภายในของท่าน  แล้วถามหัวใจท่านดูว่า  มันบอกท่านว่าอย่างไร? ท่านใคร่ครวญแล้วพบอะไร? ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อย

ด้วยภราดรภาพผูกพัน
ชัยวัฒน์

Be the first to comment on "พลังปัญญาดับไฟ"

Leave a comment

Your email address will not be published.