(ตอนที่ 2) เลาะกำแพงวังเครมลิน

เพิ่งทราบกระทันหันจากน้องเอก นักศึกษาไทย “ผู้นำเที่ยว” ว่า วันที่ 9 พ.ค. เป็นวันสำคัญของชาติ วัน ฉลองชัยชนะที่มีต่อเยอรมัน เขาจะมีพิธีสวนสนามที่จัตุรัสแดง

ประธานาธิบดีปูตินจะอยู่ในพิธีที่นั่นทั้งวัน และเขาปิดถนนโดยรอบไม่ให้ใครผ่านเข้าไปทั้งสัปดาห์เพราะต้องมีการเตรียมสถานที่และมีการซ้อมรัฐพิธีต่างๆด้วย แผนการเที่ยวจึงต้องปรับไปตามสภาพ

น้องเอกพาพวกเราไปเที่ยวที่ตลาดมีชื่อแห่งหนึ่งย่านชานกรุง ชื่อ Church of Saint Nicholas เป็นตลาดขายของที่ระลึก ของเก่า ของสะสมแบบชาวบ้านๆและของราคาถูก เป็นจุดท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องไปกัน ทัวร์จีน ทัวร์ไทย ทัวร์อื่นๆก็ไปเจอกันที่นั่นตั้งแต่เช้า

เอกซื้อตั๋วรถใต้ดินมอสโกให้แบบเหมารวม 60 เที่ยว ราคา 1,800 รูเบิ้ลหรือ 900 บาทโดยประมาณ ซึ่งถูกมากและสะดวกมากๆด้วย เพราะใช้ได้ภายในหนึ่งเดือน  ว่ากันว่าสถานีรถใต้ดินของมอสโกได้รับการยกย่องว่าตกแต่งด้วยศิลปะที่สวยงามที่สุดในโลก

ถ่ายภาพที่ตลาด Church of Saint Nicholas

ตอนบ่าย นั่งรถใต้ดินเข้ามาย่านจัตุรัสแดง ไม่สามารถเดินผ่านบริเวณนั้นได้ จึงต้องใช้วิธีเดินอ้อมไปดูจุดต่างๆโดยรอบพระราชวังเครมลิน ดูอนุสาวรีย์ทหารนิรนามผู้ชนะศึกเยอรมัน เป็นรูปปั้นนักรบบนหลังม้าเหยียบอยู่บนร่างนกอินทรีย์อันเป็นสัญลักษณ์ของเยอรมัน ข้างๆเป็นที่สำหรับวางคบเพลิง จุดไฟตลอดเวลา สื่อความหมายว่าไม่ว่าท่านเหล่านั้นจะมีชื่อเรียงเสียงไร คนรัสเซียรุ่นหลังจะระลึกถึงคุณงามความดีของท่านทุกเวลา

ช่วงที่ไปถึงโชคดีนักท่องเที่ยวกำลังรอดูพิธีการเปลี่ยนเวรยามของทีมทหารเกียรติยศสามนาย ขึงขังจริงจังและเท่เอามากๆทีเดียว

ภาพที่ชอบมากในวันนี้ที่เนินพระราชวังเครมลิน คือ สีสันกำแพงวังสีแดงเข้ม กับอาคารทุกอาคารใช้สีเข้ม เหลืองบ้าง แดงบ้าง น้ำตาลบ้าง เมื่อตัดกับสีใบไม้เขียวอ่อนสดใสช่วงฤดูใบไม้ผลิและสนามหญ้าสีเขียวเข้ม ช่างเป็นภาพที่ช่างงดงาม มีชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน

ถ่ายภาพที่สวนอเล็กซานเดอร์ มองเห็นพระราชวังเครมลินอยู่เบื้องหลัง
ที่อนุสาวรีย์ทหารนิรนาม ข้างกำแพงวังเครมลิน
สองแม่ลูก ที่โดมแผนที่จักรวรรดิรัสเซีย ข้างใต้เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่เห็นด้านหลังเป็นโรงแรมโฟร์ซีซัน

เดินกันมาพักใหญ่ มาหยุดพักที่ห้างที่อยู่ใต้ดิน หน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่น ข้างวังเครมลิน หายเหนื่อยแล้วเดินมาเที่ยวห้างกุม (rym ) เป็นห้างเก่าแก่ คล้ายกับห้างแฮร็อดที่ลอนดอน จากนั้นเดินอ้อมไปจนถึงมหาวิหารเซ็นต์เบซิลที่สวยงามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ติดกำแพงวังเครมลินนั่นเอง

อาคารมหาวิหารเซ็นต์เบซิล ประกอบด้วยโดมรูปเปลวเทียน 8 โดม สูงชะรูดขึ้นไปเหมือนแท่งเทียน ล้อมรอบอาคารทรงหัวแหลมที่อยู่ตรงกลาง สีสันแดงสด คาดด้วยสีขาว เขียว เหลือง เป็นริ้วสวยงาม รูปเปลวเทียนคนทั่วไปมองดูคล้ายหัวหอม จึงเรียกโดมหัวหอม ง่ายๆตามนั้น

จากมหาวิหาร เดินขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำมอสโคว่า มาถึงจุดดูวิวและจุดที่นักการเมืองฝ่ายค้านเพิ่งถูกสไนเปอร์ยิงเสียชีวิตในขณะเดินออกกำลังกายพร้อมกับภรรยา ผู้คนต่างซุบซิบนินทากัน เชื่อมโยงถึงอำนาจเบ็ดเสร็จและความเหี้ยมโหดของระบอบปูติน ที่จุดนั้นยังมาคนมาวางดอกไม้ไม่ได้ขาด เราจึงถือโอกาสถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

เสร็จจากเที่ยวมาทั้งวัน น้องเอกพาพวกเราไปกินอาหารเย็นที่ภัตราคารชื่อดัง “พุชกิ้นเรสเตอรอง” ชื่อพุชกิ้นเป็นชื่อกวีเอกคนหนึ่งของรัสเซีย ที่หน้าร้านดูไม่รู้เลยว่าเป็นภัตราคารชื่อดัง เป็นตึกแถวเก่าแก่ ประตูทางเข้าแลดูโทรมๆ ป้ายชื่อร้านเล็กนิดเดียว แต่ข้างในปรากฏว่ามีคนเต็มร้านเลย อาหารอร่อย ส่วนราคานั้นนับว่าแพงได้ที่.

พลเดช ปิ่นประทีป, วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2018