โบสถ์สมอลเล่ย์ โบสถ์สวยสีขาวโพลน บวกกับโทนสีฟ้าอ่อนสวยงามมาก
ปีเตอร์1 ส่งมเหสีคนแรกมาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นยังเป็นโบสถ์ไม้
ปีเตอร์ 2 ครองราชย์เมื่อ อายุ 15 ปี อยู่ได้ 6 เดือน ตายจากโรคเลือด
ลูกสาวสองคนแย่งอำนาจกัน แอนนาและอลิซาเบธ คนหลังเบื่อหน่ายหนีวุ่นวาย ก็เสด็จหนีมาอยู่ที่สำนักชีในโบสถ์แห่งนี้
เมื่อแอนนาสวรรคต อลิซาเบธกลับมาครองราชย์ต่อ
เจ้าชายลูกอลิซาเบธ แต่งงานกับเจ้าหญิงโซเฟียจากเยอรมัน ครองราชย์ต่อ เป็นพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 3 แต่อยู่ได้เพียง 6 เดือนก็ถูกมเหสีคนนี้ลอบปลงพระชนม์ แล้วพระนางก็ตั้งตนเป็นจักรพรรดินีแทน
คือ พระนางแคเธอรีนที่ 2 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นมหาราชินีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย


Peter and Paul Fortress
เป็นป้อมที่ตั้งอยู่บนเกาะสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเดลต้า กลางแม่น้ำนีวา ใช้ชื่อของนักบุญปีเตอร์และนักบุญปอล มาตั้งเป็นชื่อป้อม สร้างไว้ป้องกันสวีเดนมาแก้แค้น ที่นี่ถูกใช้เป็นทั้งป้อมปราการและเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง
พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เคยใช้เป็นที่นี่ คุมขัง ซาร์เรวิช อเล็กซิส (Tsarevich Alexis) โอรสองค์โต ซึ่งมีความคิดไม่ลงรอยกับพระราชบิดา ถูกลงทัณฑ์และสิ้นพระชนม์อยู่ที่นี่
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ในบริเวณป้อมมีหอระฆังซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สูง 122.5 เมตร มีมหาวิหารปีเตอร์และปอลที่ใช้เวลาสร้าง 21 ปี
โบสถ์ใหญ่เป็นที่ฝั่งพระศพของปีเตอร์มหาราช ที่1 ผู้สร้างเมือง St.Petersburge รวมทั้งกษัตริย์และราชินีเกือบทุกพระองค์ รวมทั้งราชวงศ์สุดท้าย โรมานอฟ รวมทั้งสิ้น 54 พระองค์ จึงดูคล้ายปราสาทพระเทพบิดรของบ้านเรา
ตอนปฏิวัติบอลเชวิค ซาร์นิโคลาสที่2 พระนางอเล็กซานดราและลูกทั้งครอบครัว อีก 5 พระองค์ ถูกจับกุมตัวไว้นอกเมือง ต่อมามีคำสั่งจากคณะปฏิวัติที่มอสโกให้นำตัวออกไปยิงกราด ตายหมดทุกคนและนำพระศพไปทิ้งในป่า
ภายหลังปฏิวัติประชาชน ในยุคของประธานาธิบดีบอริส เยลท์ซิน ได้มีการรื้อฟื้นคดี และทำการค้นหาพระศพ ซึ่งในที่สุดสามารถนำกลับมาได้เพียง 5 ศพเท่านั้น หายไป 2 จึงมีเรื่องเล่าสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา รวมทั้งเป็นนิยายและภาพยนต์
ต่อมาทางศาสนาจักรได้กลับมาฟื้นฟู และยกย่องพระองค์ท่านและครอบครัวขึ้นเป็นนักบุญ หรือ saint ส่วนพระศพที่หาเจอเพียง 5 พระองค์ถูกนำมาไว้ที่นี่ โดยมีห้องเฉพาะสำหรับเก็บพระศพครอบครัว ทั้ง 7 พระองค์และข้าราชบริพาร
ในคราวที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถสิริกิติ์เสด็จเยือนรัสเซีย พระองค์ท่านได้เสด็จมาวางดอกไม้ที่นี่ ห้องนี้ด้วย
ภายในโบสถ์ตกแต่งอลังการ เป็นที่ทำพิธีทางศาสนา พระบรมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ ฝังไว้ที่นี่ ป้อมตั้งอยู่บนเกาะสามเหลี่ยมปากแม่น้ำนีวา แม่น้ำนีวา มีป้อม Peter and Paul Fortress ที่ตั้งอยู่บนเกาะสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเดลต้า กำแพงป้อมแข็งแรง คล้ายกำแพงคุก โบสถ์ปีเตอร์แอนด์พอล
พระราชวังฤดูร้อน Tsarskoye Selo
ช่วงบ่ายไปเที่ยวชม Tsarskoye Selo เป็นพระราชวังฤดูร้อนและสวนพักผ่อนของพระนางแคเธอรีน ที่2 มหาราช อยู่ใกล้ๆกับวังปาลอฟของเจ้าชายเปาเวล พระราชโอรส ที่คณะของเราได้ไปเที่ยวกันมาเมื่อสองวันก่อน
พระราชวังแห่งนี้กำลังได้รับการบูรณะฟื้นฟูกันขนานใหญ่ เพราะถูกทำลายเสียหายหนักมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เราได้เข้าชมบนอาคารเฉพาะที่เขาเปิดให้ดูเท่านั้น ได้เข้าชมห้องโถงใหญ่ที่เป็นท้องพระโรงสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและเหล่าชนชั้นสูง ประดับด้วยทองคำ กระจกบานใหญ่ กระจกใสแลเห็นออกไปข้างนอกที่เป็นสวนเขียวขจี วังฤดูร้อนถูกใช้ในการล่าสัตว์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจของเหล่าสมาชิกในราชวงศ์ด้วย
กล่าวกันว่าที่ห้องบอลรูมหรือท้องพระโรงใหญ่ที่นี่ แต่เดิมมีขนาดเล็กๆ ต่อมาเมื่อถูกอาคันตุกะจากยุโรปพูดเยาะเย้ย ว่าสู้ของเขาไม่ได้ พระนางแคเธอรีนจึงขยายเอาเสียใหญ่อลังการแบบนี้ เรื่องนี้สะท้อนวัฒนธรรมของชนชั้นสูงของยุโรปสมัยนั้น ที่ชอบประชันขันแข่งทางอำนาจ ความมั่งคั่งและความหรูหราเสพสุข โดยไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนของทาสและประชาชนชั้นล่าง

อาคารเตี้ย ชั้นเดียว โอบล้อมเป็นปีกซ้าย-ขวา มีอาคารใหญ่สูงประมาณ 3 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ภาพวาดพระราชวังเดิม ภาพถ่าย บันทึกความเสียหายจากสงครามโลกสองครั้ง ก่อนการบูรณะซ่อมแซมมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ผู้ปกครองมักจะใช้กำลังทหารกดขี่ขูดรีดแรงงานและภาษีจากชาวบ้าน และใช้แสนยานุภาพของกองทัพที่เกรียงไกรของตนไปรุกราน ยึดครองและปล้นสดมภ์กวาดเอาทรัพย์สินเงินทองจากท้องพระคลังของอาณาจักรผู้พ่ายแพ้และอ่อนแอกว่ามาไว้เป็นของตน
พระราชวังของกษัตริย์และมหาจักรพรรดิจึงเป็นที่รวมของอารยธรรม ความเจริญรุ่งเรืองของแผ่นดินและมวลมนุษย์ในยุคนั้นๆเข้ามาไว้ ศิลปะวิทยาการที่สุดยอดในแขนงต่างๆจะเก็บมารักษาไว้ที่นี่ ด้านหนึ่งนักปราชญ์ราชบัณฑิตก็ต้องได้รับการอุปถัมภ์ค้ำจุน รวมทั้งการสนับสนุนการลงทุนประดิษฐ์คิดค้นจากพระราชวังด้วย
สงครามเป็นปัจจัยสำคัญอีกด้านหนึ่ง เป็นแรงกดดันและขับเคลื่อนให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยี ในการต่อสู้ เข่นฆ่าและทำลายล้างข้าศึก
อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกและมาซีโดเนีย ได้ค้นพบเทคโนโลยีหอกยาว หน้าไม้และการจัดขบวนทัพเป็นรูปบล็อคสี่เหลี่ยม จึงสามารถรบชนะขยายอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวาง
เจ็งกีสข่านแห่งมองโกล ค้นพบและใช้กองทัพม้าที่รวดเร็ว ห้าวหาญ โหดเหี้ยมและความเชี่ยวชาญการยิงธนู ทะลวงขยายดินแดนออกไปจนถึงรัสเซีย ยุโรป จีนและเอเชียกลาง
อีวานที่สองและสาม สามารถรบชนะกองทัพตาต้าได้ก็เพราะค้นพบเครื่องมือป้อมเคลื่อนที่ “โกริโกรอด”ที่พัฒนามาจากเครื่องป้องกัน “ดั้ง” “โล่” ที่มีขนาดเล็กเฉพาะตัว มาเป็นเครื่องป้องกันขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งใช้เทคนิคการขุดรู ฝังระเบิดจึงทำลายกำแพงเมืองคาซานได้สำเร็จ
อีกด้านหนึ่งของสงครามยุคโบราณ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการเคลื่อนย้าย แลกเปลี่ยน เรียนรู้ระหว่างอารยธรรมและทำให้ความเจริญก้าวหน้ากระจายตัวออกไป ไม่กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ประเทศยุโรปส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนจากระบอบกษัตริย์ จักรพรรดิหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปแล้ว เพราะถูกประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้ม ด้านหนึ่งประชาชนทนต่อระบบกดขี่ไม่ไหว ด้านหนึ่งเป็นเพราะสงคราม โดยเฉพาะสงครามโลกสองครั้ง เป็นปัจจัยตัวแปรที่ทำให้อำนาจควบคุมของกบัตริย์อ่อนแอลง
ราชอาณาจักรและประเทศส่วนมากในโลก กลายมาเป็นระบอบสาธารณรัฐหรือประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้งผู้นำประเทศ เป็นวาระคราวละ 4-5ปี ไม่ใช่การสืบสันตติวงศ์ ตำแหน่งผู้นำหรือประมุขคือประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรี ทรัพย์สมบัติของราชวงศ์ที่ถูกโค่นล้มเปลี่ยนแปลง จึงกลายมาเป็นสมบัติของสาธารณะที่รัฐเป็นผู้ดูแล กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมแบบนี้ ซึ่งเราจะเห็นได้ที่ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมัน รัสเซีย โปแลนด์ ฮังการี เช็ค สโลวัก กรีก ตุรกี และจีน ฯลฯ
Landscape ของวังซาร์สโกเย ประกอบด้วย กลุ่มอาคารหลักเป็นแผงอยู่ด้านหลัง เป็นอาคารสองชั้นขนาดใหญ่ มีโดมหัวหอมสไตล์รัสเซียที่มุมขวาสุด มีกลุ่มอาคารชั้นเดียวโอบไปด้านหน้าเหมือนแขนของหนุมานสองข้าง ตรงกลางเป็นลานและสนามหญ้าที่กว้างมาก คงใช้ในงานพิธีกรรมและการต้อนรับขบวน ส่วนด้านหลังของกลุ่มอาคารจะเป็นสวนขนาดใหญ่มาก มีทะเลสาบขนาดย่อมอยู่สองสามหย่อม มีปราสาทขนาดเล็กๆและรูปปั้นปฏิมากรรมอยู่ตามมุมของทะเลสาบ และกระจายอยู่กลางสวนเป็นจุดๆไป
บริเวณพระราชวังฤดูร้อนที่กว้างขวาง มีภูมิทัศน์ทะเลสาบที่สวยงาม ถ่ายภาพจากบริเวณสวนของพระราชวัง แลเห็นอาคารหลักสีฟ้า-ขาว เด่นอยู่ด้านหลัง
ในตัวปราสาทพระราชวังใหญ่ มีห้องที่น่าตื่นตะลึงและเป็นไฮไลท์ของเขา คือ ห้องอำพัน Amber Room เป็นห้องที่ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ในห้องถูกตกแต่งด้วยอำพันเหลืองอร่ามไปหมดทุกด้านของฝาผนัง ประดิษฐ์ประดอยอย่างปราณีตสุดฝีมือ
มีคนถึงกลับกล่าวยกย่องว่า Amber Room แห่งนี้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 เลยทีเดียว.
ภายในพระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามสมพระเกียรติ สีทองเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง พระเจ้าซาร์นิโกลาสที่ 1 ทรงแต่งพระองค์เลียนแบบนโปเลียนแห่งฝรั่งเศส เพื่อเยาะเย้ยที่ทรงยกทัพมาบุกรัสเซีย แต่ต้องพ่ายแพ้แก่เสด็จพี่ของพระองค์ พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ในการศึกที่มอสโก
พลเดช ปิ่นประทีป, วันศุกร์ที่ 11 พ.ค. 2018
ขอบคุณภาพปกจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/akom/2018/01/03/entry-1