พลเดช ปิ่นประทีป, วันเสาร์ที่ 12 พ.ค. 2018
วันนี้เที่ยวสบายๆในเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก น้องเบลล่าพาเที่ยวชมเฉพาะจุดสำคัญๆ
Alexander Column
ที่จัตุรัสหน้าพระราชวังกลางกรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นลานกว้างมาก พื้นที่ 5 เฮกตาร์ ตรงกลางลานเป็นที่ตั้ง อนุสาวรีย์เสาหินของ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 (Alexander Column) สร้างในปีค.ศ. 1830-1834 โดยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 เพื่อรำลึกถึงพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ผู้เป็นพี่ชายที่กล้าหาญและสมถะ
พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เป็นผู้ไปรบชนะกองทัพนโปเลียนที่บุกเข้ามายึดกรุงมอสโก ในปี 1812 ด้วยกลยุทธ์”ถอยเชิงยุทธศาสตร์” โดยให้เจ้าชายผู้น้องอยู่รักษาเมืองหลวงเซ็นต์ปีเตอร์สเอาไว้ เมื่อชนะกลับมาก็สละราชบัลลังก์ให้น้องขึ้นครองราชย์แทน
ว่ากันว่า ใบหน้าของนางฟ้าที่อยู่ปลายยอดเสา เขาตั้งใจสร้างให้คล้ายพระพักตร์ของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เสียด้วย ส่วนแท่นเสาตกแต่งด้วยรูปปั้นนูนต่ำ เป็นรูปทหารรัสเซียและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
จากเหตุการณ์รบชนะจักรวรรดิฝั่งเศสและนโปเลียนผู้ไม่รู้จักพ่ายแพ้ในคราวนั้น พระเจ้าซาร์นิโกลาสที่ 1 ทรงชอบที่จะเยาะเย้ยถากถางประเทศข้าศึก ด้วยการแต่งพระองค์เลียนแบบจอมทัพนโปเลียนของฝรั่งเศส เพื่อให้จิตรกรเอกได้วาดพระฉายาลักษณ์ประดับไว้ในวังต่างๆอีกด้วย



St. Isaac’s Cathedral
มหาวิหารนักบุญไอแซค ในวิกิพีเดียเรียกว่า อาสนวิหารนักบุญไอแซค เป็นมหาวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของประเทศรัสเซีย
อาสนวิหารนักบุญไอแซคเป็นอาสนวิหารออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นอาสนวิหารคริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ตั้งชื่อตามนักบุญไอแซคแห่งดัลเมเชีย ผู้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช ซึ่งทรงเสด็จพระราชสมภพตรงกับวันสมโภชฉลองนักบุญไอแซค
ด้านข้างทางขวามือของมหาวิหารเป็นโรงแรมโฟร์ซีซั่น ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ และนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยมาพัก

เรือรบหลวงออโรร่า Cruiser Aurora
เรือรบหลวงออโรร่าของรัสเซียลำนี้ สร้างในช่วงปีค.ศ. 1904-1905 ระหว่างทำสงครามกับญี่ปุ่นและพ่ายแพ้กลับมา
ปี 1917 ในช่วงปฏิวัติเดือนตุลาคม คณะผู้ก่อการบอลบอลเชวิคได้ใช้สัญญาณเสียงปืนใหญ่ที่ยิงจากเรือลำนี้ สั่งการเข้าบุกยึดพระราชวังฤดูหนาว
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือลำนี้ถูกทำให้จมลงในแม่น้ำ เพื่อป้องกันระเบิดจากกองทัพอากาศเยอรมัน หลังสิ้นสุดสงครามจึงได้กู้เรือกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ปัจจุบันเรือรบหลวงออโรร่าได้รับการปลดระวางและทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในมีอุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้ของทหารเรือ
เรือลำนี้เคยเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อร่วมงานพิธีบรมราชาภิเษกของ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในเรือยังมีของสะสมและตราของพระองค์ด้วย
พระราชวัง Yusupov Palace
เป็นวังของเจ้าชายยูซูพอฟ ผู้สังหารรัสปูตินจอมอลัชชีลวงโลก
เรื่องราวของรัสปูตินกับการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ เป็นเรื่องที่ดราม่ามาก ถูกนำมาเขียนเป็นนวนิยาย ทำบทละครและสร้างเป็นภาพยนต์หลายครั้งหลายเวอร์ชั่น มีครบทุกรส ทั้งไสยศาสตร์ ความรัก ความเกลียดแค้นชิงชัง ความโสโครกแหลกเหลว คาวโลกีย์ การเมือง และอาชญกรรม
รัสปูตินมีคุณไสย และมีอวัยวะเพศใหญ่มาก กล่าวกันว่ายาว11นิ้ว เป็นที่หลงไหลของบรรดาสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ จึงยุ่งกับลูกเขาเมียใครไม่เลือกหน้า ต่อมาเมื่อรัสปูตินมีบทบาทอิทธิพลกำหนดตำแหน่งใครต่อใครมากเข้า จึงมีคนปองร้ายมากมาย ถูกลอบสังหารหลายครั้ง ในที่สุดมาถูกยิงตายที่ห้องใต้ดินของพระราชวังแห่งนี้
ที่วังยูซูพอฟ ยังมีสภาพที่รักษาของเดิมไว้ได้มาก ไม่ค่อยถูกทำลายจากสงคราม เพราะดูภายนอกไม่มีอะไรเตะหูเตะตา เหมือนเป็นตึกแถวธรรมดาๆเท่านั้น แต่ภายในก็อลังการอยู่ไม่น้อย
มหาวิหาร Kazan Cathedral
มหาวิหารคาซาน ตั้งอยู่บนถนนเนฟสกี้ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของตัวเมือง
มหาวิหารคาซานทำการสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตรงกับช่วงปีค.ศ. 1708 ซึ่งแต่เดิมนั้นจัดได้เพียงว่าเป็นโบสถ์เล็กๆเท่านั้น
ภายในมีรูปไอคอนและพระแม่มาเรีย (Our Lady Of Kazan) ที่วาดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16
ต่อมาในสมัยการปกครองของพระเจ้าปอลด์ที่ 1 ในปีค.ศ. 1800 ได้ทำการสร้างวิหารใหม่ให้เป็นวิหารที่ใหญ่ขึ้น และสวยงามกว่าเดิม เนื่องจากที่ว่าหลังจากที่พระองค์เสด็จประพาส ณ กรุงโรมที่อิตาลีแล้วพระองค์ทรงเกิดความประทับใจในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี พระองค์จึงได้นำรูปแบบดังกล่าวนั้นมาผสมผสานในการก่อสร้างมหาวิหารหลังใหม่
มหาวิหารคาซานสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1811 โบสถ์คาซาน เป็นสถาปัตยกรรมในรูปศิลปะแบบนีโอคลาสสิก เป็นลักษณะรูปทรงครึ่งวงกลม มีเสาหินวางเรียงแถวยาวอย่างเป็นระเบียบหลังจาก 10 ปี แห่งการก่อสร้าง มหาวิหารคาซานกลายเป็นสถานที่เพื่อมาสักการะบูชาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง
ในปีค .ศ. 1812 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับฝรั่งเศสขึ้น จึงได้นำรูปปั้นของผู้บังคับบัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเรือ คือ Mikhail Kutuzov และ Barclay de Tolly มาสร้างไว้เป็นอนุสาวรีย์
ด้านหน้าของมหาวิหารจะมีสวนสาธารณะไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนของชาวรัสเซีย ซึ่งที่นี่ยังเป็นที่นัดพบปะของวัยรุ่นอีกด้วย และอีกทั้งในฤดูร้อนจะมีคนรัสเซียมักชอบนิยมมายืนอาบแดด อ่านหนังสือ หรือพบปะพูดคุยกันเป็นจำนวนมาก
โบสถ์แห่งหยดเลือด Church of The Saviour on Spill blood
โบสถ์แห่งหยดเลือด เป็นโบสถ์ที่สวยงาม ซึ่งพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระบิดา หรือพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์บริเวณนี้ ในปี ค.ศ. 1881 ความสูงของโบสถ์จึงมีความตั้งใจสร้างสูง 81 เมตรให้เป็นเชิงสัญลักษณ์
กล่าวกันว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 พยายามที่จะปลดปล่อยทาส ทำให้เหล่าขุนนางที่เสียประโยชน์เกิดความไม่พอใจ มีการลอบปลงพระชนม์หลายครั้งมากแต่ไม่สำเร็จ การเลิกทาสแบบทันที ทันใด ชาวรัสเซียยังไม่เข้าใจ ชาวนาก็ยังไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทำให้ไม่พอใจ ในที่สุดกล่าวกันว่าหญิงชาวนาใช้ระเบิดพลีชีพวิ่งเข้าใส่รถม้าพระที่นั่ง สวรรคตตรงที่จุดนี้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์ได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังสิ้นสุดสงครามจึงได้มีการบูรณะใหม่ ปัจจุบันตั้งโดดเด่นด้วยสีสันสวยงามสะดุดตา อยู่ริมคลอง Griboyedov
ภายในเต็มไปด้วยงานศิลปะชั้นยอด ภายนอกรูปทรงสถาปัตยกรรมก็งามเด่นมาก
เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นที่จัดกิจกรรมทางสังคมและการชุมนุมมวลชน.