บันทึกการเรียนรู้โดย พลเดช ปิ่นประทีป
ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเลบานอนทั้งสิ้น 5 แหล่ง ได้แก่ อันจาร์ บาลเบ็ค บิบลอส ไทร์ และคาดิสชา
คณะของเราออกเดินทางตามทางหลวงที่เลียบชายฝั่งทะเลที่สวยงาม ผ่านเมืองเชคก้า ระหว่างทางเต็มไปด้วยความงามของภูมิทัศน์ภูเขาที่สวยที่สุดในเลบานอน
ไปจนถึงหุบเขาคาดิชา (Qadisha) บางครั้งเรียกว่าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์วาดีคาดิชา
ที่นี่เป็นหนึ่งในชุมชนทางศาสนายุคคริสต์ศาสนาตอนต้นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อารามในคริสต์ศาสนาหลายแห่งมีอายุเก่าแก่มาก ตั้งอยู่บนภูมิทัศน์อันแปลกตาของขุนเขาที่น่าทึ่ง
ผ่าน “ป่าสนซีดาร์” ที่มีคุณค่าสูงยิ่งในยุคโบราณ เป็นวัสดุก่อสร้างศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่หลายแห่ง ในบริเวณป่าแห่งนี้ต้นซีดาร์บางต้นมีอายุกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังถือเป็นต้นไม้ประจำชาติของเลบานอน และต้นซีดาร์ยังได้ปรากฏเป็นสัญลักษณ์ตรงกลางธงชาติเลบานอนอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้รับความคุ้มครอง ยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1998
Qadisha Valley ได้รับการยกย่องว่าเป็นหุบเขาแห่งหนึ่งที่สวยงามที่สุดของตะวันออกกลาง สถานที่งดงาม แต่ก็ไม่ใช่เพียงทิวทัศน์ที่งดงามน่าทึ่งเท่านั้น เพราะนับตั้งแต่ศตวรรษที่สี่ ที่นี่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของสถานที่หลบหนีความวุ่นวาย โบสถ์ที่สวยงามและถ้ำปฏิบัติธรรมที่น่าสนใจ สร้างแรงบันดาลใจให้มีความพยายามเข้าใจอย่างถ่องแท้ในคริสต์ศาสนา นับเป็นมรดกของแผ่นดิน
เมืองและหมู่บ้าน ล้วนตั้งอยู่บนหน้าผา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุด น่าจะเป็นเมือง bcharré ของกวีเอก Khalil Gibran
Qadisha ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ยังอุดมไปด้วยต้นไม้และพืช รวมทั้งคริสต์ศาสนา และมรดกเรื่องราวเกี่ยวกับนิกาย Maronites และต้นกำเนิดอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
หมอกปกคลุมเมืองบชาร์ริ มีหุบเขาคาดิชาเป็นฉากหลัง
บทส่งท้าย
บางแง่มุมจากการท่องเที่ยวเลบานอน
- เลบานอนเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมเก่าแก่ เป็นแหล่งกำเนิดของมนุษยชาติ ชนชาติฟีนิเชียนซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชาวเลบานอนก็มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยความรู้ วิทยาการและการค้าขาย แต่การที่ไม่สามารถรักษาสถาบันชาติและประเทศของตนให้คงอยู่และมีอิสรภาพได้ จึงทำให้ชาติฟีนิเชียนต้องสาปสูญไปจากแผนที่โลกในปัจจุบัน
- เลบานอนเป็นประเทศเล็ก มีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับเป็นเมืองท่าทำการค้าขายทางทะเล ในขณะที่มหาอำนาจโดยรอบต่างเติบโตเข้มแข็งและต่อสู้แข่งขันกันขยายดินแดน เมืองท่าต่างๆของเลบานอนจึงตกเป็นเป้าหมายของสงครามแย่งชิงกันตลอดมาทุกยุคทุกสมัย โดยถูกยึดครองและปกครองแบบผลัดเปลี่ยนกันไประหว่างมหาอำนาจ เลบานอนไม่เคยสามารถรักษาความเป็นกลางและอิสรภาพของประเทศได้เลย
- แต่การตกเป็นเมืองที่มหาอำนาจผลัดกันเข้ามาปกครอง ส่วนหนึ่งก็ทำให้เลบานอนได้รับเอาวิทยาการ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่ก้าวหน้ามาจากอาณาจักรและอารยธรรมอื่นๆ กลายเป็นมรดกที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานการท่องเที่ยวในยุคโลกาภิวัตน์
- โชคร้าย ที่เลบานอนต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายใน และรับผลกระทบจากสงครามภายนอกอย่างเรื้อรังและรุนแรง โดยเฉพาะที่เป็นผลจากการปะทะทางอารยธรรมระหว่างคริสต์กับมุสลิม วันนี้คนเลบานอนสองฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว ได้สติแล้ว และรู้สึกเบื่อหน่ายต่อความขัดแย้งกันภายในชาติอันเนื่องมาจากความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างและการมีทัศนคติและท่าทีที่นำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม สภาพภายนอกประเทศที่อยู่โดยรอบยังมีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดความไม่สงบได้ตลอดเวลา
- การนำพาประเทศเล็กๆแห่งนี้ให้หลุดพ้นจากกงเล็บแห่งความขัดแย้งทางศาสนา ลัทธิความเชื่อและนโยบายการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านและการแผ่ขยายอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีความเฉลี่ยวฉลาดในทางการทูตในขั้นสูง และสามารถวางตำแหน่งแห่งที่ของประเทศตน ได้อย่างพอเหมาะพอดี
- เราคณะท่องเที่ยว ได้แต่สวดภาวนาขอให้เลบานอนมีความสงบ สันติสุข เพื่อที่คนทั่วโลกจะได้ไปเที่ยวเลบานอน เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์โลกจากเรื่องราวบนแผ่นดินแห่งนี้
ลาก่อนเลบานอน
สวัสดี.