การเก็บข้อมูลความเสียหายทางการเกษตรและมุมมองในการจัดตั้งกองทุน ภายใต้โครงการ “เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติโดยชุมชน” บ้านดอนไชย หมู่7 ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 25 – 27 กุมภาพันธ์ 2562
ได้เข้าพื้นที่บ้านดอนไชย ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา เพื่อทำการเก็บข้อมูลความเสียหายทางการเกษตรและมุมมองในการจัดตั้งกองทุนเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติโดยชุมชนในเบื้องต้น
การสัมภาษณ์กลุ่มเกษตรกรของบ้านดอนไชยที่พื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจำนวน 50 คน ในการทำงานสามารถทำการสัมภาษณ์ได้จำนวน 25 คน มีประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
- ตารางแสดงพื้นที่การเกษตร ต้นทุนการผลิต และมูลค่าความเสียหาย
การทำการเกษตรของชาวบ้านดอนไชยนั้น ในพื้นที่หนึ่งแปลงชาวบ้านใช้เพาะปลูกพืชหลายชนิดตลอดฤดูกาล ได้แก่
พืชกลุ่มที่ 1 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ , ข้าวนาปี จะอยู่ในระยะปลูกและเก็บผลผลิตได้ในช่วงฤดูฝนจนถึงช่วงเกิดน้ำท่วมซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม
พืชกลุ่มที่ 2 ปลูกในช่วงฤดูแล้ง ได้แก่ ยาสูบ , ถั่วลิสง , ข้าวนาปรัง ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม
พืชกลุ่มที่ 3 เป็นพืชที่ปลูกตลอดฤดูกาล ได้แก่ ผักสวนครัว และไม้ยืนต้น คือ ต้นสักและลำไย ซึ่งลำไยจะมีผลผลิตช่วงน้ำท่วมเช่นเดียวกันกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ถึงแม้ภัยพิบัติด้านอุทกภัยจะมีผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านเพียงช่วงเวลาหนึ่งของการเพาะปลูก แต่ผลกระทบนี้ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายทั้งหมดของพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านสูญเสียรายได้ในช่วงเวลานั้น ๆ แทนที่จะกลายเป็นรายได้หมุนเวียนของเกษตรกรระดับครัวเรือน
ลำดับที่ | รายชื่อเกษตรกร | พื้นที่เสียหาย(ไร่) | ชนิดพืชช่วงประสบอุทกภัย(พ.ค .- ส.ค.) | มูลค่าความเสียหาย (ราคาขาย) |
1 | นายศรีวัย การินทร์ | 1.2 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 4,800 |
2 | นายเอง ยอดรัก | 8 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 25,600 |
3 | นายวล หนักแก้ว | 11 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 35,200 |
4 | นายยง สิทธิวัง | 4 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 12,800 |
5 | นายยับ เมืองพรม | 7 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 22,400 |
6 | นางบุญปลูก จันทรี | 6.3 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 21,600 |
7 | นางกียารัตน์ ยานะฝั้น | 3 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 9,650 |
8 | นายบุญเรือน เที่ยงน้อย | 3.1 | นาปี(กิน) | 42,900 |
9 | นายศรีวัย อินวาทย์ | 5 | ลำไย | 40,000 |
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์(ปลูกแซมกับลำไย) | 12,800 | |||
10 | นางวัชราภรณ์ ฮำอ้ายอาจ | 0.2 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนตัว (วัว) | 1,480 |
11 | นางจันดี พัดแก้ว | 5.2 | ลำไย | 44,000 |
12 | นายคนอง คะมานาม | 5 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 16,000 |
13 | นางพับพึง | 4 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 12,800 |
14 | นายจรัส อุปนันท์ | 5 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 16,000 |
15 | นายวิชิต เที่ยงน้อย | 6 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 19,200 |
16 | นางรัดดา จันฟอง | 6 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 19,200 |
17 | นางจงรักษ์ ปริกเพชร | 5 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 16,000 |
18 | นายสนิท ยอดรัก | 3 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 9,600 |
19 | นายประภาส การินทร์ | 4.1 | ลำไย | 34,000 |
20 | นายจำเนียร | 1.2 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 3,840 |
ลำไย | 12,000 | |||
21 | นายสงบ นนท์ลุ่น | 6 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 19,200 |
22 | นายชุมพล พิเคราะห์ | 3 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 9,600 |
23 | นายวัด (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน) | 11 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 35,200 |
24 | นายชื่น สอนศิริ | 1 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 3,200 |
25 | นายประเสริฐ กันคำ | 12 | ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | 38,400 |
รวม | 126.1 | 535,990 |
หมายเหตุ มูลค่าความเสียหาย
1) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลิตได้ 500 กิโลกรัม/ไร่ (โดยประมาณ) ราคา 6.4 บาท/กิโลกรัม
2) ลำไย ผลิตได้ 1,000 กิโลกรัม/ไร่ (โดยประมาณ) ราคา 8 บาท/กิโลกรัม
3) ข้าวนาปี ผลิตได้ 40 กระสอบปุ๋ย/ไร่ (โดยประมาณ) 30 กิโลกรัม/กระสอบ ราคา 11 บาท/กิโลกรัม
4) ข้าวโพดปลูกสำหรับเลี้ยงวัว (ส่วนตัว) ยังไม่ทราบหน่วยวัดมูลค่า และยังไม่คำนวณรวมกับมูลค่าของพืชอื่น
จากการสัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้นด้านต้นทุนการผลิตทางการเกษตรและความเสียหาย พบว่า ผลผลิตทางการเกษตรที่เสียหายในช่วงเกิดอุทกภัยมากที่สุด คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยมีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 3,200 บาท/ไร่
ซึ่งอยู่ในช่วงฝักอ่อนยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ อีกทั้งพื้นที่เพาะปลูกเป็นพื้นที่ต่ำติดแม่น้ำน่าน และน้ำที่หลากและท่วมสูง เมื่อน้ำลดจึงทำให้ข้าวโพดเน่าตาย รองลงมาคือ ลำไยเกิดความเสียหายของผลลำไย โดยมีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 8,000 บาท/ไร่ แม้ต้นลำไยจะทนต่อน้ำหากแต่หลังน้ำลดก็ไม่ใช่ฤดูกาลออกผลของลำไยแล้ว เกษตรกรจะต้องรอเก็บผลผลิตในฤดูกาลถัดไป
และข้าวนาปีชาวบ้านดอนไชยมักปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับพืชอื่น ๆ ถ้าหากต้องซื้อข้าวบริโภคจะมีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 13,200 บาท/ไร่ ซึ่งมีผลกระทบต่อวิถีชีวิต จะต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้น ตลอดจนกระทบต่อทุนหมุนเวียนในการเพาะปลูกฤดูกาลถัดไป
- แหล่งทุนของเกษตรกรบ้านดอนไชย
ต้นทุน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำการเกษตรทุกระดับ สำหรับเกษตรกรบ้านดอนไชยก็มีแหล่งทุนเพื่อใช้ในการหมุนเวียนในระบบการเกษตร แหล่งทุนที่สำคัญ ได้แก่ 1) เงินออมส่วนตัว 2) กองทุนเงินล้าน 3)กองทุนสัจจะ 4)สินเชื่อกู้ยืมเพื่อการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตร (ธกส.) 5)การกู้ยืมภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.)
จากการสัมภาษณ์ พบว่า โดยส่วนใหญ่มีการพึ่งพาจากกองทุนโครงการต่าง ๆ และเงินออมส่วนตัวควบคู่กัน และใช้ทุนจากเงินออมส่วนตัวเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนน้อย
- อาชีพเสริม
นอกจากการทำการเกษตรแล้วชาวบ้านดอนไชยมีการทำอาชีพเสริมอื่น ๆ เช่น 1) รับจ้างทั่วไป 2) ทอผ้า 3) ธุรกิจส่วนตัว 4) เลี้ยงวัว 5) ช่างไม้รับเหมา เป็นต้น
- การปรับตัวและฟื้นฟูด้านการการเกษตร
โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านยังไม่มีการปรับตัวต่อการทำเกษตรกรรมในช่วงเกิดอุทกภัยมากนัก เพราะเห็นว่าเป็นช่วงฤดูกาลที่เหมาะแก่การเพาะปลูกและเป็นสิ่งที่คนรุ่นเก่าเคยทำ จะมีบางรายที่เคยปรับเปลี่ยนทดลองปลูกพริกและฝักทองของโครงการเจียไต๋ ซึ่งเป็นระบบเกษตรพันธะ
แต่ก็ต้องล้มเลิกเพราะการใช้ยาฆ่าแมลงและรายได้ไม่ต่างจากพืชเดิมที่เคยปลูก ส่วนด้านการปรับตัวของการเกษตรที่เกี่ยวโยงกับอุทกภัย เช่น กรณีพายเรือไปเก็บลำไยในช่วงน้ำหลาก หรือ การเพาะต้นกล้าในถุงและใช้ถังผูกติดกับแคร่ให้ลอยน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมขนย้ายต้นกล้าป้องกันความเสียหาย เป็นต้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่ชาวบ้านปฏิบัติและคุ้นเคยจนเกิดความเชี่ยวชาญ
ด้านการฟื้นฟูทางการเกษตร จากการบอกเล่าของชาวบ้าน พบว่า การฟื้นฟูพืชที่เสียหายช่วงเกิดอุทกภัยทำได้ยาก ยกตัวอย่าง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อน้ำลดปริมาณลงข้าวโพดจะเกิดการเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งพื้นที่เป็นดินโคลน ชาวบ้านดอนไชยใช้วิธีการจัดการคือการไถกลบเพื่อรอปลูกพืชฤดูกาลถัดไป
- การสนับสนุนของหน่วยงานอื่น ๆ
นอกเหนือจากการแจกถุงยังชีพแล้วหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐได้มีการสนับสนุนหรือชดเชยเยียวยาค่าความเสียหายให้เกษตรกรที่ผลผลิตเสียหายจากอุทกภัย นอกจากนี้ ทางเกษตรอำเภอได้มีการสนับสนุน
ต้นกล้าเพื่อเป็นต้นทุนในการเพาะปลูก โดยระยะเวลาการจัดสรรค่าชดเชยและต้นกล้าจะขึ้นกับระเบียบของรัฐ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ชาวบ้านต้องการปลูกพืช หรือการปรับปรุงดูแลพื้นที่สาธารณะในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
- มุมมองที่มีต่อการจัดตั้งกองทุนเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติโดยชุมชนบ้านดอนไชย
จากการสัมภาษณ์ชาวบ้านในเรื่องกองทุนฟื้นฟูในการช่วยเหลือหลังน้ำท่วม ชาวบ้านส่วนที่
“เห็นด้วย”ในการจัดตั้งกองทุน สามารถสรุปได้ดังนี้
- เป็นแหล่งทุนกู้ยืมอีกแหล่งหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในชุมชน รู้สึกมีความยืดหยุ่นกว่าระบบกู้ของโครงการที่เคยกู้ในหมู่บ้านเป็นเงินหมุนเวียนให้กับเกษตรกรและคนในชุมชนได้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ประสบภาวะขาดแคลนมาก
- ช่วยหนุนเสริมการชดเชยของรัฐที่ต้องจัดสรรให้หลายพื้นที่ และเกิดข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาสามารถที่จะช่วยเกษตรกรในการให้ยืมเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ต่างๆ ในระหว่างที่รอเงินจากภาครัฐ
- ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลและคิดแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยร่วมกัน เช่น 1.เงินในกองทุนนั้นสามารถที่จะนำไปช่วยกับผู้พิการ ติดเตียงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ (เป็นการช่วยในการซื้อสิ่งของลงไปเยี่ยมในตอนน้ำท่วม/หลังน้ำท่วม) 2.การฟื้นฟูที่สาธารณะในหมู่บ้าน (เดิมทางหมู่บ้านจะมีการขอความช่วยเหลือในเรื่องรถกับทางเทศบาลจะทางหมู่บ้านจะต้องมีการออกค่าน้ำมันรถร่วมกัน)เป็นต้น และสามารถเป็นทุนฉุกเฉินให้สมาชิกในชุมชนให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เช่น บ้านพัง หรือขาดแคลนช่วงเกิดภัยพิบัติ
- ตนเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนกองทุนให้หมุนเวียนไปได้ กล่าวคือ การสมทบทุนหลังคาเรือนละ 100 บาท สามารถช่วยรักษาระบบของกองทุนเพื่อที่กองทุนจะได้นำไปช่วยผู้อื่นต่อไปซึ่งเงินจำนวนนี้เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยเกินไป
- ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวกับการช่วยแก้ปัญหาอุทกภัย แต่สนใจเรื่องกองทุนที่ให้กู้ยืมได้ทั้งเมื่อยามประสบภัยพิบัติและทุนด้านการเกษตร ถ้าหากเกิดขึ้นจริง
- สนใจ และรอฟังการประชาคมเรื่องระเบียบของการจัดตั้งกองทุน โดยปัจจุบันยังไม่มีระเบียบออกมา
- ขึ้นอยู่กับคนในชุมชน ถ้าส่วนใหญ่เห็นสมควรก็พร้อมที่จะเข้าร่วมและปฏิบัติตาม
ในส่วนที่“ไม่เห็นด้วย”เพราะว่าในหมู่บ้านเองนั้นก็มีเงินกองทุนต่างๆ อยู่แล้วที่ชาวบ้านสามารถที่จะกู้ยืมมาทำการเกษตรได้ เช่น กองทุนเงินล้าน , กองทุนสัจจะ,โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ซึ่งเงินเหล่านี้มีดอกเบี้ยที่ไม่แพงมากนัก (ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย คือ ไม่เข้าร่วมการประชุม และไม่ทราบว่าจะมีกองทุนนี้เกิดขึ้น)

ลิงก์แสดงแผนผังในโปรแกรม google my maps
https://drive.google.com/open?id=1-qhJTPd1NnORN6CDUVLdC_beyL2MQCFv&usp=sharing
แนวทางการสัมภาษณ์ ข้อมูลความเสียหายทางการเกษตรและมุมมองในการจัดตั้งกองทุน ภายใต้โครงการ
“เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติโดยชุมชน” บ้านดอนไชย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- จำนวนไร่ มีพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่บ้านดอนไชย หมู่7 ทั้งหมดกี่ไร่
- ประเภท / ชนิด พืช และช่วงเวลาที่ปลูก
- ต้นทุนการผลิตและมูลค่าความเสียหาย
- แหล่งทุนที่มีอยู่
- อาชีพอื่น ๆ
- การปรับตัว
- การฟื้นฟู
- การสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ
- มุมมองที่มีต่อการจัดตั้งกองทุนเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติโดยชุมชน มีความคิดเห็นอย่างไร ?
กลุ่มเป้าหมายในการเก็บข้อมูล
ชาวบ้านที่ทำการเกษตรภายในเขตพื้นที่บ้านดอนไชย หมู่ 7 โดยมีเป้าที่ตั้งไว้ จำนวน 50 คน ในการทำงานสามารถทำการสัมภาษณ์ได้จำนวน 25 คน