ถึงพี่น้องเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นและภาคประชาสังคม

ในขณะนี้ ทุกประเทศกำลังเผชิญกับพิบัติภัยโรคระบาดใหญ่ “โควิด-19” มาเกือบ 1 ปี มีประชากรโลกเจ็บป่วย 60 ล้าน และเสียชีวิตไปนับล้านคนแล้ว
เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังตกต่ำ ทุกประเทศต้องรับมือกับปัญหาคนตกงาน สถานการณ์อาจเลวร้ายลงจนถึงขั้นสังคมเกิดสภาพความอดอยากหิวโหย การแย่งชิง จราจล ระส่ำระสาย และวิบัติหายนะ โดยว่ากันเป็นรายเมือง รายประเทศกันทีเดียว
ในยามเช่นนี้ สิ่งที่ประเทศชาติและสังคมไทยต้องการอย่างยิ่ง คือความรัก ความสามัคคีและความเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งนี่เป็นบทบาทของชุมชนท้องถิ่นและภาคประชาสังคมโดยตรง พวกเราจึงต้องตั้งสติกันให้ได้และดูแลตนเอง ดูแลกันเองให้สามารถ “อยู่รอด” และ “ผ่านพ้น” ช่วงเวลาของวิกฤติการณ์นี้ไปให้ได้
นับเป็นความโชคดีของประเทศไทย เราสามารถป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี จนได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยเรามีระบบสาธารณสุขที่มั่นคงแข็งแรงและมีประสิทธิภาพ มีพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและเครือข่ายองค์กรชุมชนท้องถิ่นที่แข็งขัน ภายใต้รัฐบาลที่มีนโยบายและการบริหารจัดการที่สมบูรณ์แบบ
แต่ก็น่าเสียดายและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ในห้วงเวลาอันสังคมไทยและประเทศชาติกำลังยากลำบากอยู่เช่นนี้ กลับมีนักการเมืองและพรรคการเมืองใหญ่บางส่วน ฉวยโอกาสอันเปราะบางมาใช้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย มุ่งโค่นล้มรัฐบาลและแย่งชิงอำนาจกัน
บางกลุ่มคิดเลยเถิดไปถึงขั้นทำทุกวิถีทาง รวมทั้งการใช้ข่าวปลอม (เฟคนิวส์) และคำพูดจาบจ้วง ให้ร้าย สร้างความเกลียดชัง (เฮทสปีช) หลอกลวงเด็กและเยาวชนลูกหลานของเราที่เสพติดสื่อโซเชียลให้หลงผิด มุ่งบั่นทอนศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปสู่ระบอบใหม่ที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกต่อไป
จึงเป็นหน้าที่ของพวกเรา เครือข่ายชุมชนท้องถิ่นและภาคประชาสังคมทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ ทุกองค์กร ต้องลุกขึ้นมาสร้างกระแสความตื่นตัว รู้เท่าทันและร่วมปฏิบัติการ
กล่าวคือ ในเมื่อรู้ว่าพวกเขาต้องการสร้างความแตกแยกในสังคม บั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ และโค่นล้มแย่งชิงอำนาจจากรัฐบาล เราก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ “หยุดยั้ง-ต้านทาน-ตอบโต้” อย่างทันทีทันควัน ในทุกที่ ทุกเวลาและทุกปริมณฑลเช่นกัน
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป, 13 พฤศจิกายน 2563