คณะอนุกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้ประมวลประเด็นที่เป็นเหตุปัจจัยความสำเร็จในการแก้ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำจากหลายกรณีศึกษา รวมทั้งโครงการแก้จนแบบพุ่งเป้าของประเทศจีนและนโยบายแก้ปัญหาความยากจนของประเทศอินเดีย สรุปประเด็นที่หนุนเสริมความสำเร็จรวม 25 ปัจจัย ดังนี้

- เกษตรกรรมเป็นอาชีพพื้นฐานที่มีศักยภาพสูง ช่วยแก้ความยากจนระดับครัวเรือนและชุมชนชนบท.
- ที่ทำกิน ทรัพยากรดิน-น้ำการเกษตร เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับอาชีพ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน.
- อาชีพและรายได้เสริมจากภาคนอกไร่นาเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น ค้าขาย บริการ ศิลปหัตถกรรม ช่างฝีมือ ท่องเที่ยว แปรรูป ฯลฯ.
- การเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการประกอบอาชีพ อาจเป็นแหล่งทุนในชุมชน ท้องถิ่นและสถาบันการเงิน
- การเข้าถึงตลาดและเทคโนโลยีเป็นหลักประกันในการขายผลผลิต แรงงานและบริการอื่น มีโอกาสรับความรู้ ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่ออาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต.
- ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ดีและเศรษฐกิจชุมชนที่แข็งแรง จะเอื้อต่ออาชีพ รายได้และเศรษฐกิจครัวเรือน.
- โครงการพัฒนาในพื้นที่ไม่ว่ามาจากหน่วยงานใด จะมีส่วนเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น-ชุมชน.
- ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้ชุมชนปรับเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองและพฤติกรรมใหม่ในการดำรงชีพและการทำมาหากิน มีแรงบันดาลใจ ความหวัง และความสุข.
- สาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำสะอาด (ประปา) และพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้มีผลผลิตการเกษตรและรายได้ดีขึ้น.
- ความสงบสันติในชุมชนมีผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกครัวเรือน พื้นที่ขัดแย้งไม่สงบย่อมไม่มีหลักประกันความยั่งยืนในการพัฒนา.
- ตัวชี้วัดเป้าหมายที่บ่งบอกภาวะ”การหลุดพ้น”จากสภาพครัวเรือนยากจนอย่างเป็นรูปธรรม สำคัญต่อการติดตามความก้าวหน้าและใช้ประเมินตนเอง.
- ประชาธิปไตยชุมชน เป็นเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วย ประชาธิปไตยแบบ “มีส่วนร่วม” และ ประชาธิปไตย ”ทางตรง”.
- การแข่งขันทางการเมืองในท้องถิ่น เป็นตัวแปรสำคัญของความรักสามัคคีหรือความแตกแยกในชุมชน.
- พันธมิตรจากภายนอกมีบทบาท”หนุนเสริม” หรือ “เหนี่ยวนำ” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนท้องถิ่น.
- กระบวนการและกลไกสนับสนุนแบบพหุภาคี หรือ แบบประชา-รัฐ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน.
- การเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นการเกษตรผสมผสาน ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ แก้ปัญหาหนี้สิน.
- เศรษฐกิจเบิกนำ หมายถึงผลผลิต สินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่โดดเด่นของท้องถิ่นที่มีศักยภาพมากจนสามารถบุกเบิกและนำพาพืช-สัตว์เศรษฐกิจตัวอื่นๆได้ เช่น มะขาม มะม่วง กล้วย ทุเรียน โคขุน ฯลฯ
- ในทุกชุมชนที่เข้มแข็ง มักจะพบว่าสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมการจัดการของชุมชนที่โดดเด่น.
- ระบบสวัสดิการชุมชน เป็นกระบวนการจัดการตนเองที่มักพบในทุกชุมชนเข้มแข็ง มักทำงานเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย.
- กลไกบูรณาการงานสนับสนุนชุมชนเข้มแข็งที่มาจากภายนอกทุกกระทรวง ที่ “ตำบล” เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปได้มากที่สุด.
- ความรักสามัคคีเป็นปึกแผ่นในชุมชนท้องถิ่น เป็นฐานทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีคุณค่ายิ่งต่องานพัฒนา.
- นโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า ช่วยเพิ่มประสิทธิ์ภาพการบรรลุเป้าหมาย.
- “พี่เลี้ยงการพัฒนา” อาศัยคนแข็งแรงจับคู่ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอก เป็นวิธีการเพิ่มความแม่นยำแก้ปัญหา.
- UNDP จีน อินเดีย และไทย ต่างก็ใช้เส้นวัดความยากจน (Poverty line) ในการระบุพื้นที่ยากจน-ด้อยโอกาส เพื่อกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนา.
- จีน อินเดีย และไทย รวมทั้งข้อเสนอแนะจาก UNDP ต่างให้ความสำคัญต่อการมีนโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาคที่เอื้อต่อฐานราก แก้ปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้างของพื้นที่เป้าหมาย.
นพ.พลเดชปิ่นประทีป / 3 เม.ย. 2564