รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 68) “ปัจจัยชุมชนเข้มแข็ง เอาชนะความยากจน”

คณะอนุกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้ประมวลประเด็นที่เป็นเหตุปัจจัยความสำเร็จในการแก้ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำจากหลายกรณีศึกษา รวมทั้งโครงการแก้จนแบบพุ่งเป้าของประเทศจีนและนโยบายแก้ปัญหาความยากจนของประเทศอินเดีย สรุปประเด็นที่หนุนเสริมความสำเร็จรวม 25 ปัจจัย  ดังนี้

  1. เกษตรกรรมเป็นอาชีพพื้นฐานที่มีศักยภาพสูง ช่วยแก้ความยากจนระดับครัวเรือนและชุมชนชนบท.
  2. ที่ทำกิน ทรัพยากรดิน-น้ำการเกษตร เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับอาชีพ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน.
  3. อาชีพและรายได้เสริมจากภาคนอกไร่นาเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น ค้าขาย บริการ ศิลปหัตถกรรม ช่างฝีมือ ท่องเที่ยว แปรรูป ฯลฯ.
  4. การเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการประกอบอาชีพ อาจเป็นแหล่งทุนในชุมชน ท้องถิ่นและสถาบันการเงิน 
  5. การเข้าถึงตลาดและเทคโนโลยีเป็นหลักประกันในการขายผลผลิต แรงงานและบริการอื่น  มีโอกาสรับความรู้ ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่ออาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต.
  6. ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ดีและเศรษฐกิจชุมชนที่แข็งแรง จะเอื้อต่ออาชีพ รายได้และเศรษฐกิจครัวเรือน.
  7. โครงการพัฒนาในพื้นที่ไม่ว่ามาจากหน่วยงานใด จะมีส่วนเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น-ชุมชน.
  8. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้ชุมชนปรับเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองและพฤติกรรมใหม่ในการดำรงชีพและการทำมาหากิน มีแรงบันดาลใจ ความหวัง และความสุข.
  9. สาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำสะอาด (ประปา) และพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้มีผลผลิตการเกษตรและรายได้ดีขึ้น.
  10. ความสงบสันติในชุมชนมีผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกครัวเรือน  พื้นที่ขัดแย้งไม่สงบย่อมไม่มีหลักประกันความยั่งยืนในการพัฒนา.  
  11. ตัวชี้วัดเป้าหมายที่บ่งบอกภาวะ”การหลุดพ้น”จากสภาพครัวเรือนยากจนอย่างเป็นรูปธรรม สำคัญต่อการติดตามความก้าวหน้าและใช้ประเมินตนเอง. 
  12. ประชาธิปไตยชุมชน เป็นเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วย ประชาธิปไตยแบบ “มีส่วนร่วม” และ ประชาธิปไตย ”ทางตรง”.  
  13. การแข่งขันทางการเมืองในท้องถิ่น เป็นตัวแปรสำคัญของความรักสามัคคีหรือความแตกแยกในชุมชน.
  14. พันธมิตรจากภายนอกมีบทบาท”หนุนเสริม” หรือ “เหนี่ยวนำ” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนท้องถิ่น.
  15. กระบวนการและกลไกสนับสนุนแบบพหุภาคี หรือ แบบประชา-รัฐ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน. 
  16. การเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นการเกษตรผสมผสาน ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ แก้ปัญหาหนี้สิน.  
  17. เศรษฐกิจเบิกนำ หมายถึงผลผลิต สินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่โดดเด่นของท้องถิ่นที่มีศักยภาพมากจนสามารถบุกเบิกและนำพาพืช-สัตว์เศรษฐกิจตัวอื่นๆได้ เช่น มะขาม มะม่วง กล้วย ทุเรียน โคขุน ฯลฯ  
  18. ในทุกชุมชนที่เข้มแข็ง มักจะพบว่าสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมการจัดการของชุมชนที่โดดเด่น.
  19. ระบบสวัสดิการชุมชน เป็นกระบวนการจัดการตนเองที่มักพบในทุกชุมชนเข้มแข็ง มักทำงานเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย.
  20. กลไกบูรณาการงานสนับสนุนชุมชนเข้มแข็งที่มาจากภายนอกทุกกระทรวง ที่ “ตำบล” เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปได้มากที่สุด. 
  21. ความรักสามัคคีเป็นปึกแผ่นในชุมชนท้องถิ่น เป็นฐานทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีคุณค่ายิ่งต่องานพัฒนา.
  22. นโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า ช่วยเพิ่มประสิทธิ์ภาพการบรรลุเป้าหมาย.  
  23. “พี่เลี้ยงการพัฒนา” อาศัยคนแข็งแรงจับคู่ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอก เป็นวิธีการเพิ่มความแม่นยำแก้ปัญหา.  
  24. UNDP จีน อินเดีย และไทย ต่างก็ใช้เส้นวัดความยากจน (Poverty line) ในการระบุพื้นที่ยากจน-ด้อยโอกาส เพื่อกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนา.  
  25. จีน อินเดีย และไทย  รวมทั้งข้อเสนอแนะจาก UNDP  ต่างให้ความสำคัญต่อการมีนโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาคที่เอื้อต่อฐานราก แก้ปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้างของพื้นที่เป้าหมาย. 

 นพ.พลเดชปิ่นประทีป / 3 เม.. 2564