ถึงเครือข่ายผู้นำองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมและเครือข่ายท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ ทุกจังหวัด.

“ส.ส.พึงมี” คือ จำนวน ส.ส. รวมที่แต่ละพรรคการเมือง (พึง) จะมีได้ เป็นผลลัพธ์จากระบบจัดสรรปันส่วนผสม คิดจากจำนวนคะแนนที่เลือกพรรคนั้น หารด้วยจำนวนบัตรดีทั้งหมดและคูณด้วย 500 ที่นั่ง เป็นตัวเลขที่สามารถสะท้อนความต้องการของประชาชนได้มากที่สุด
ผลการพิจารณา(ร่าง)แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระ 2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม มติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบต่อการแก้ไข ม.83 และ ม.91 กล่าวคือ 1) จำนวน ส.ส.เขต/ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น 400/100 2) ใช้ระบบบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ แยกจากกัน 3) แบ่งเขตขนาดเล็ก 1 คน / 1 เสียง
สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นจากเครือข่ายฯและกลุ่มประชาชนที่สนใจ จำนวน 342 คนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นไปตามความต้องการของพรรคใหญ่ ซึ่งคาดว่า ส.ว. คงจะไม่โหวตคว่ำในวาระ 3 จึงเป็นอันถึงบทอวสานของหลักคิด “ส.ส.พึงมี”
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือ พรรคจิ๋วและพรรคเล็กหมดสิทธิ์เกิด มีแนวโน้มสูญพันธุ์ ในสภาผู้แทนราษฎรจะเหลือแต่พรรคขนาดกลางและขนาดใหญ่ ดังนั้น ใครที่กำลังคิดจะตั้งพรรคใหม่จึงต้องใคร่ครวญอย่างหนัก นอกจากนั้น การเลือกตั้ง ส.ส.เขต ในครั้งต่อไป ระบบเขตเล็กกว่าเดิม จึงคาดได้ว่าการใช้เงินทุ่มซื้อเสียงจะยิ่งแข่งขันรุนแรงหนักขึ้นกว่าเก่า
มีบทเรียนรู้และข้อเท็จจริงบางประการ ที่ควรบันทึกในความทรงจำ ดังนี้
1) กรณีสัดส่วน ส.ส.เขต / ส.ส.บัญชี
เรื่องนี้มีพัฒนาการ จาก 400/100 (รธน.2540) มาเป็น 375/125 (รธน.2550) และเป็น 350/150 (รธน.2560) ด้วยหลักการและเหตุผลว่า ต้องการให้ ส.ส. ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติในระดับชาติ มากกว่าการดูแลสารทุกข์สุขดิบของประชาชน ซึ่งเป็นงานที่มีองค์กรปกครองท้องถิ่นดูแลอยู่แล้ว จึงมีทิศทางแนวโน้มที่จะเพิ่ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และลด ส.ส.เขต ลงเรื่อยๆ แต่คราวนี้ กลับถอยหลังไปถึง 24 ปี
2) กรณีระบบบัตรเลือกตั้ง
2.1) บัตร 1 ใบ 2 ระบบ (MMA) ใช้ในการเลือกตั้ง 2562 ข้อดี ทำให้พรรคทางเลือกพรรคเล็กพรรคน้อยมีสิทธิ์แจ้งเกิด แต่ข้อเสีย ทำให้มีพรรคจำนวนมากเกินไป ประกอบกับขาดนักคณิตศาสตร์ช่วยทำให้ชัดเจนแน่นอน ปฏิบัติง่ายและประชาชนเข้าใจได้
2.2) บัตร 2 ใบ 2 ระบบแยกกัน (MMM) เป็นแบบดั้งเดิมตั้งแต่ 2540 และ 2550 ข้อดี คือ ประชาชนคุ้นเคย เข้าใจง่าย แต่ข้อเสียคือ ไม่สะท้อนความต้องการได้เท่าที่ควร
2.3) บัตร 2 ใบ 2 ระบบแบบปันส่วนผสม (MMP) เป็นรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยได้ใช้ เป็นรูปแบบที่ (ร่าง)รธน.ฉบับ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ออกแบบไว้ ข้อดี สามารถสะท้อนความต้องการของประชาชนได้มากที่สุด ส่วนข้อเสีย เป็นเพียงแนวคิดทฤษฎี ยังไม่เคยได้ใช้จริง
3) กรณีขนาดของเขตเลือกตั้ง
เขตเล็ก 1 เขต ส.ส. 1 คน เป็นรูปแบบที่ใช้มาตั้งแต่ รธน. 2540 จนถึงปัจจุบัน ข้อดีคือ ใช้กันมานานจนคุ้นชิน ข้อเสียคือ เขตยิ่งเล็ก การซื้อเสียงยิ่งสู้กันหนัก
ระบบเขตใหญ่ 1 เขต ส.ส. 2-3 คน อันนี้ สว.เสรี สุวรรณภานนท์ สงวนคำแปรญัตติด้วยตัวเอง ท่านเชื่อว่าจะสามารถลดความรุนแรงในการใช้เงินซื้อเสียงได้ เพราะเคยใช้กันมานาน เพิ่งเปลี่ยนในยุค รธน.2540 จนเกิดปัญหาซื้อเสียงหนักหนาสาหัสแบบทุกวันนี้
4) มองไปข้างหน้า
ผู้ใดสนใจลงสมัคร ส.ส. ต้องเตรียมรับมือการใช้เงินซื้อเสียงที่รุนแรงกว่าเดิม ใครคิดจะตั้งพรรคการเมือง ก็ต้องมั่นใจว่าสามารถแจ้งเกิดเป็นพรรคขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ นักการเมืองควรต้องมองหาพรรคการเมืองขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ที่มีอุดมการณ์แนวคิดใกล้เคียง การเลือกตั้งครั้งหน้า เราอยากเห็น 2-3 พรรคการเมืองในวิถีใหม่ รวมกันเป็นพันธมิตร เพื่อสร้างสรรค์รัฐสภาวิถีใหม่
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป
สมาชิกวุฒิสภา / 28 สิงหาคม 2564.