ถึง เครือข่ายผู้นำองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมและเครือข่ายท้องถิ่น-ท้องที่วิถีใหม่ ทุกจังหวัด

ใกล้เวลาการเลือกตั้ง อบต. ทั่วประเทศเข้าไปทุกที บรรยากาศการหาเสียงกำลังเข้มข้นท่ามกลางโควิดและพายุดีเปรสชั่น สำนักงาน กกต.รายงานผลการรับสมัคร อบต. 5,300 แห่ง มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวม 136,250 คน แบ่งเป็นผู้สมัครนายก อบต. จำนวน 12,309 คน และผู้สมัครสมาชิก อบต.จำนวน 123,941คน
การเมืองท้องถิ่น เป็นรูปธรรมของระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่ประชาชนในท้องถิ่นเลือกผู้นำเข้าไปบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดูแลงานพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในชุมชนท้องถิ่นของเขา ในท้องถิ่นขนาดเล็ก เช่น อบต.และเทศบาลตำบล มักมีความใกล้ชิดกันระหว่างผู้นำที่เสนอตัวและประชาชนผู้เลือกเขาเข้าไป ผิดกับท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา ยิ่งขนาดใหญ่มากก็ยิ่งเหินห่างและมีช่องว่าง ทั้งในระดับอบจ. เทศบาลเมือง เทศบาลนคร กทม. พัทยา รวมไปถึงการเมืองในระดับชาติ คือ ส.ส. ส.ว. ด้วย
ที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุนานาประการ สังคมไทยมีพัฒนาการด้านกระบวนการประชาธิปไตยอย่างจำกัด ประชาชนจึงขาดความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และไม่รู้เท่าทันทางการเมือง ด้านหนึ่งมีภาพจำของนักการเมืองระดับชาติที่มีพฤติกรรมการตั้งก๊วนเพื่อต่อรองตำแหน่งและผลประโยชน์ ใช้เงินซื้อเสียง แบ่งขั้วแยกฝ่าย ทำการเมืองแบบทำลายล้าง เอาเปรียบคู่แข็งขันด้วยวิธีการสกปรก อีกด้านหนึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดีให้นักการเมืองท้องถิ่นลอกเลียนแบบ
ทุกวันนี้ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจต่อระบบการเมืองตัวแทนดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่โดยทั่วไปยังขาดความศรัทธาเชื่อมั่นในพลังอำนาจอธิปไตยที่อยู่ในมือของตน ขาดสำนึกหวงแหนห่วงใยในประเทศชาติส่วนรวม การเลือกตั้งแต่ละครั้งจึงลงคะแนนกันไปโดยไม่สนใจคุณค่าและไม่คาดหวังต่ออนาคตประเทศชาติ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากตัวเอง การซื้อสิทธิ์ขายเสียงจึงมีผลสัมฤทธิ์เสมอมา
การเมืองวิถีใหม่ ควรเป็นการเมืองในเชิงคุณธรรมจริยธรรม เป็นการเมืองเชิงจิตอาสา และเป็นการเมืองเชิงสร้างสรรค์ของสุภาพชน ที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
หลักการ “ 5 ต้อง ” สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น
1) ต้องยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ปัจจุบันมีกระแสแนวคิดในการโค่นล้มระบอบการปกครอง เพื่อปฏิวัติเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบอบอื่น ชุมชนและประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต้องตรวจสอบตรวจตราอย่างถี่ถ้วน มิให้มีผู้นำท้องถิ่นที่มีแนวคิดและความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับขบวนการดังกล่าว
2) ต้องทำงานการเมืองแบบจิตอาสา
ผู้นำท้องถิ่นควรเป็นผู้ขันอาสาทำงานส่วนรวมโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทนในทางที่ผิด ควรเลือกผู้ที่รู้จักหัวนอนปลายเท้า เห็นผลงานและมีลักษณะนิสัยซื่อสัตย์ซื่อตรง ให้เข้าไปบริหารเงินงบประมาณส่วนรวมจำนวนมาก ต้องถามใจตัวเองให้ดีเสียก่อน อย่าเลือกเพราะอามิสสินจ้าง อย่าทำลายศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเอง
3) ต้องเสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ภาคภูมิใจในวัฒนธรรมประเพณีไทย
ทุกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ทั่วโลก ดำรงคงอยู่ได้ด้วยความสามัคคีเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ มีวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นเป็นรากเหง้า(รากแก้ว) อย่าเลือกพวกแบ่งแยกแล้วปกครอง ต้องสร้างความรักสามัคคีระหว่างชุมชนทุกกลุ่ม ลดเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม
4) ต้องเชื่อมั่นหลักนิติรัฐ เคารพกฎหมาย
กฎหมายเป็นกติกาสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นปกติสุข ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างในการเคารพกฎหมาย อย่าเลือกคนที่สังคมเห็นว่าทุจริตคดโกง ชอบฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะถูกพิพากษาลงโทษหรือไม่ก็ตาม
5) ต้องมีสปิริตความเป็นนักกีฬา
การแข่งขันเลือกตั้งย่อมมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ ผู้นำท้องถิ่นต้องมีสปิริตของนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้ขอโทษ และรู้อดทนรอคอย ไม่ควรเลือกคนที่มีนิสัยขี้แพ้ชวนตีเข้าไปบริหารท้องถิ่น
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป
สมาชิกวุฒิสภา / 23 ตุลาคม 2564 .