“ คู่เสี่ยวเกี่ยวก้อย แก้จนคนมัญจา ” รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 130)

กรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา สนใจติดตามโครงการ ” แก่นคูน เกื้อกูล คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน ” เป็นพิเศษมาตั้งแต่เริ่มต้น  

“ คู่เสี่ยวเกี่ยวก้อย แก้จนคนมัญจา ” รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 129)

นโยบายนี้ ริเริ่ม สร้างสรรค์และขับเคลื่อนโดย นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวก้าวหน้า ท่านเป็นทั้งนักปกครองและนักพัฒนาที่โดดเด่น รับแนวคิด องค์ความรู้และแรงบันดาลใจจากนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนของประเทศจีน ทั้งศึกษาดูงานและเชิญเจ้าหน้าที่สถานฑูตจีนมาให้คำปรึกษาแนะนำ

ผลสัมฤทธิ์ 3 ปีของขอนแก่น ได้กลายเป็นโมเดลตัวอย่างให้กระทรวงมหาดไทยได้นำมาใช้ขยายผลไปทั่วประเทศ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ในระดับพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย “แก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน” 

การประกาศแก้ปัญหาคนจนในระบบ 1,025,782 คน กับกลุ่มเปราะบางอีก 4.1 หมื่นครัวเรือน 10 ล้านคน โดยขีดเส้นให้ทุกจังหวัดจัด “ทีมพี่เลี้ยง” ให้เป็นรูปธรรมก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2565 นี้ รวมทั้งด้านสภาพัฒน์ ก็เร่งทำตัวอย่างเมนูแก้จน เพื่อคิกออฟ “มหกรรมแก้จน” 1.9 หมื่นโครงการ  

ได้ทำให้สื่อมวลชนนำไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ้นปีงบประมาณนี้ รัฐบาลสั่งแก้ความยากจนได้หมดทั้งประเทศแล้ว จึงอดเป็นห่วงกังวลมิได้ว่า ความริเริ่มดีๆที่ขอนแก่น จะถูกกลบไปด้วยกระแสสั่งการจากบนลงล่าง แบบ “ไฟไหม้ฟาง”

ในกรอบการทำงานที่จังหวัดขอนแก่นริเริ่ม ประกอบด้วย 5 มิติ  4 กระบวนงาน  3 เป้าหมาย  2 กลยุทธ และ 1 โครงการ

5 มิติ

เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความยากจนและคุณภาพชีวิตใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านรายได้ ด้านการศึกษา และด้านสวัสดิการภาครัฐ 

นำมาสู่การจัดเก็บข้อมูล จปฐ. ร่วมกับ 26 อำเภอ  1 เทศบาลนคร 7 เทศบาลเมือง 73 เทศบาลตำบล และ 144 อบต. พบข้อมูลครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 38,000 บาท/ปี หรือ 104 บาท/วัน โดยผ่านกระบวนการตรวจสอบจากเวทีประชาคมหมู่บ้านแล้ว มีครัวเรือนเป้าหมาย 1,174 ครอบครัว ใน 577 หมู่บ้าน 147 ตำบล  

4 กระบวนงาน

เป็นการปฏิบัติการ 4 ท. เพื่อนำไปสู่วิถีการดำรงชีวิต ได้แก่ 

ทัศนคติ ปรับทัศนคติทางบวก การพูดคุยทำให้ครอบครัวรู้สึกอบอุ่น  

ทักษะ เสริมทักษะการประกอบอาชีพบนฐานความชำนาญของครัวเรือน  

ทรัพยากร ปัจจัยการผลิต พื้นที่ ที่ดินทำกิน ฐานทุนต่างๆที่สามารถแปลงและสร้างอาชีพได้  

ทางออก เป็นหนทางที่ครัวเรือนคิดและตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมต่อตนเอง

 3 เป้าหมาย  

เป็นตัวชี้วัดเป้าหมายการแก้ความยากจนของจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย 3 ดี ได้แก่ 

ความเป็นอยู่ดี เน้นการจัดทำบัญชีครัวเรือน เรียนรู้ที่จะลดรายจ่าย ลดต้นทุนการผลิต ลดละเลิกอบายมุข มีสุขภาพดีและมีการออม

รายได้ดี  เสริมด้านการฝึกอบรมอาชีพ การรวมกลุ่ม การออม ทุนชุมชนหมุนเวียนเสริมอาชีพ

สวัสดิการดี  เข้าร่วมสวัสดิการชุมชน  จิตอาสา การช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ด้อยโอกาส

2 กลยุทธ์

เป็นกลยุทธสานพลัง 2 ส่วน คือ พลังจากภายในชุมชน อันได้แก่ ผู้นำชุมชน องค์กรชุมชน  กับพลังจากภายนอก คือคู่เสี่ยว ข้าราชการ เอกชน และประชาสังคม

1 โครงการ

หมายถึง โครงการคู่เสี่ยวเกี่ยวก้อย แก้จนคนขอนแก่น อันเป็นนวัตกรรมและความริเริ่มของผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ 

อำเภอมัญจาคีรีรับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดมาดำเนินงานบริหารครัวเรือนยากจนแบบบูรณาการอย่างแข็งขันมาตั้งแต่ต้น ปัจจุบันมีครัวเรือนยากจนเป้าหมายรวม 109 ครอบครัว มีข้าราชการคู่เสี่ยวจำนวน 59 คน  ที่นี่เขายังคงใช้กลวิธี “จับคู่”  1:1 แบบดั้งเดิม ซึ่งพบว่าได้ผลดีมากกว่าการออกคำสั่ง “แต่งตั้งทีมปฏิบัติการ” มาเป็นพี่เลี้ยงอย่างที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ   

“เสี่ยว” มีความหมายในเชิงวัฒนธรรมที่ลึกมากกว่าความเป็นเพื่อน  “คู่เสี่ยว”ส่วนใหญ่มิใช่คนในพื้นที่ เขาจึงเน้นการมีคู่เสี่ยวในชุมชนเข้ามาประกบเพื่อความยั่งยืน

กรณีนายประสิทธิ์ อายุ 70 ปี อาศัยปลูกเพิงพักอยู่ท้ายที่ดินชาวบ้าน หารับจ้างและปลูกผักขาย เมื่อถูกกำหนดเป็นเป้าหมายของจังหวัด มีข้าราชการสตรี 2 คนเป็นคู่เสี่ยวมาช่วยดูแลทุกข์สุข หน่วยงานช่วยหางบประมาณมาสร้างบ้าน แรงงานและวัสดุบริจาคเพิ่มจากชุมชนและท้องถิ่น ทั้งหมู่บ้านมีกรณีแบบนี้อยู่เพียง 2-3 คนเท่านั้น การแก้ไขแบบพุ่งเป้าจึงอยู่ในวิสัยที่จะสำเร็จได้ไม่ยาก

แต่อย่างไรก็ตาม มีคำถามทิ้งท้ายว่า เรื่องดีๆแบบนี้จะยังคงเดินหน้าต่อไปได้เพียงใด เมื่อหมดยุคของผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ และสิ้นวาระของรัฐบาลชุดปัจจุบัน. 

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา / 17 พ.ค. 2565