ในการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ของคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา มีสมมติฐานตั้งต้นว่า
“ระบบการศึกษาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเอาชนะความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ”

คณะของเราได้พบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับผู้บริหารสถานศึกษา ครู และผู้นำทางศาสนา ในหลายแห่งที่ไปศึกษาดูงาน ซึ่งมีความรู้สึกที่ตรงกันว่า เป็นครั้งการตรวจเยี่ยมและศึกษาดูงานที่ได้รับความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานมาก
ที่บ้านเกาะแลหนัง หมู่ที่ 3 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา คณะของเราได้สัมผัสชุมชนที่สุขสงบ มีกลุ่มทางสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งยังมีภูมิประเทศของ “เกาะแลหนัง” ที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์สวยงาม ชาวบ้านและผู้นำมีความใฝ่ฝันที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตของลูกหลาน
เมื่อปี 2547-2556 ที่นี่เป็นเขตพื้นที่สีแดงของสงขลา รอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ อำเภอจะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นตลอด จึงถูกประกาศเป็นพื้นที่กฎอัยการศึก ปัจจุบัน เหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ มีความสงบสุข รัฐบาลได้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่นี้ ตั้งแต่ปี 2553 คงเหลือกฎหมายพิเศษ คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ยังบังคับใช้ต่อเนื่องมาเพียงฉบับเดียว
ควรบันทึกไว้ว่าในช่วงหนึ่ง ที่นี่คือพื้นที่สีแดง มีเหตุการณ์ความไม่สงบรายวันเกิดขึ้นมากมาย ถึงขั้นผู้ก่อการเคยยกกำลังเข้าโจมตีค่ายทหารที่ตั้งมั่นอยู่ปากทางเข้ามาแล้ว ทั้งยังมีปัญหายาเสพติด ความยากจน และปัจจัยสาเหตุอื่นที่ซับซ้อน
โดยเฉพาะ เหตุสลดที่สังคมจดจำ กรณีวัยรุ่นและเยาวชนพยายามเข้าโจมตีป้อมจุดตรวจกว่า 10 แห่งทั่วสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเหตุการณ์กรือเซะ ( 28 เมษายน 2547 ) เมื่อทีมฟุตบอลเยาวชนในพื้นที่อำเภอเทพาพยายามก่อเหตุรุนแรง และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตพร้อมกันถึง 19 คน
จากการปรับยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีการทำงานแก้ปัญหาของ กอ.รมน.ภาค 4 ภายใต้การนำของ พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัตน์ (ยศแม่ทัพในขณะนั้น) ด้วยความร่วมมือสนับสนุนจาก ปปส. ผู้นำชุมชนท้องถิ่น(นายมะนาวี มะ) และองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ (โต๊ะครูอับบาส บินอิบรอฮีม) ท่านได้ริเริ่มโครงการปอเนาะญาลันนันบารู เมื่อปี 2556 โดยใช้บ้านเกาะแลหนัง ตำบลปากบาง แห่งนี้เป็นที่ตั้งสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดโดยใช้หลักชุมชนศาสนบำบัด ช่วยเหลือประชาชนและเยาวชน มาแล้วมากกว่า 3,000 คน สามารถคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่างๆได้อย่างเป็นรูปธรรม ชุมชนมีความเข้มแข็ง จัดการปัญหาและพัฒนาแบบพึ่งตนเองได้มากขึ้นมาตามลำดับ
เป็นที่น่าสังเกตุว่า แนวทางชุมชนศาสนบำบัดยาเสพติดของปอเนาะญาลันนันบารู (ดาหลาบารู) มีโครงสร้างและองค์ประกอบหลักสูตรหรือโปรแกรมในลักษณะ Active Learning หรือ จัดการศึกษาแบบฐานสมรรถนะ ประกอบด้วย สร้าง-ซ่อม-เสริม-รักษา ได้แก่
- คัดกรอง และบำบัดฟื้นฟูอาการติดยาเสพติด 40 วัน
- ประเมินและเข้าโปรแกรมพัฒนาความรู้ด้านศาสนา 4 เดือน
- ประเมินและเข้าโปรแกรมทักษะชีวิต 40 วัน
- ประเมินและเข้าโปรแกรมทักษะอาชีพ 40 วัน
อย่างไรก็ตามในระยะหลัง อาจยังคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในพื้นที่บ้างแบบประปราย จนบางครั้งทำให้การสนับสนุนจากทางราชการมีอาการสะดุด หรือเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ก็สามารถคลี่คลายได้ในที่สุด
สิ่งที่ผู้นำท้องถิ่น ชุมชน และภาคประชาสังคมที่นี่ต้องการคือกิจกรรม-โครงการพัฒนาบ้านเมืองของพวกเขาให้เป็น “ประตูสู่ชายแดนใต้” ที่มีศักยภาพ สร้างสรรค์พัฒนาเกาะแลหนังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นชุมชนปลอดภัย ชุมชนสะอาด ผู้คนน่ารัก ชุมชนสวยงามน่าอยู่น่ามาเยือน
พวกเขามีไอเดียโครงการพัฒนารูปธรรมมากมาย ทั้งในเรื่องเกษตรอินทรีย์วิถีไทย การขับเคลื่อนศาสตร์พระราชา Halal Healthy Land การจัดทำข้อมูลความต้องการและการบริโภคอาหารของชุมชน การพัฒนาท่องเที่ยวธรรมชาติและวิถีชีวิตโดยชุมชน และการแปรรูปปาล์มน้ำมันด้วยนวัตกรรมโรงงานสะกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กของชุมชน
คณะกรรมาธิการฯ และเครือข่ายประชาคม-ชุมชนท้องถิ่น มีความสนใจที่จะทำงานร่วมกันใน 2 ลักษณะ
- โครงการเครือข่ายปฏิรูปการจัดการศึกษาเพื่อเอาชนะความยากจนในอำเภอเทพาและจังหวัดชายแดนภาคใต้
- โครงการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนตำบลปากบาง ส่งเสริมเศรษฐกิจอำเภอเทพา ตามยุทธศาสตร์ประตูสู่ชายแดนใต้.
โดย ส.ว.พลเดช ปิ่นประทีป, 27 มิ.ย. 2565