ดร.วณี ปิ่นประทีป ข้าราชการบำนาญกระทรวงสาธารณสุข เคยช่วยทำหน้าที่เลขานุการให้กับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ(อานันท์ ปันยารชุน) และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (ประเวศ วะสี) ปัจจุบันเป็นนักพัฒนาอิสระที่มีงานเชื่อมโยงกับเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดทั่วประเทศ

ท่านศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
จากกรณีโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา 4 แห่ง ได้แก่
1) โรงเรียนมีชัยพัฒนา ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
เป็นต้นแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนา มีการขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศ มีลักษณะการทำงานที่สำคัญ 10 ประการ อาทิ มุ่งสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ เน้นการสร้างคนดี ซื่อสัตย์สุจริต รู้จักแบ่งปัน เรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเองและสังคม
2) โรงเรียนบ้านสันดาบ ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เป็นตัวอย่างของโรงเรียนขนาดเล็กที่กล้าลุกขึ้นมาปฏิรูปโรงเรียน ปรับการเรียนการสอน จนสามารถก้าวพ้นภาวะวิกฤตได้ทั้ง 6 ด้าน ครูและนักเรียนร่วมกันเปลี่ยนแปลงจากโรงเรียนที่ใกล้จะถูกยุบ กลายมาเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัล บูรณาการหลักสูตร เรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติจากการลงมือทำจริง
3) โรงเรียนรวมมิตรวิทยา ต.ผไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
เป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง กำหนดวิสัยทัศน์ของโรงเรียนให้เป็น“ยุวทูตรักท้องถิ่น ทำกินด้วยสัมมาชีพ มีจิตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”
4) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
เป็นโรงเรียนร่วมพัฒนาที่สามารถขยายเครือข่ายออกไปได้มากที่สุด รวม 56แห่ง สร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า เก็บค่าเช่ามาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน พัฒนาเป็นดิจิทัลทั้งระบบ ปรับปรุงอาคารเรียนโรงเรียนที่ถูกยุบมาเป็นหอพักให้นักเรียนที่ยากจนและใช้พื้นที่ทำแปลงเกษตร
มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 15 ประการ ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการควรสนับสนุนนวัตกรรมการจัดการศึกษาในรูปแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนา โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่กำลังจะถูกยุบหรือถูกควบรวมและโรงเรียนขยายโอกาส
2. กระทรวงศึกษาธิการควรสนับสนุนให้โรงเรียน มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยปรับการเรียนการสอนให้เป็นแบบฐานสมรรถนะ (Competency Based Education)
3. กระทรวงศึกษาธิการควรมีนโยบายต่อการจัดสรรงบประมาณ อาหารกลางวันของโรงเรียนของนักเรียนระดับชั้นเด็กเล็กจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คนละ 21 บาท (ปี พ.ศ. 2565) ซึ่งรวมทั้งประเทศประมาณ 25,500 ล้านบาท โดยปรับเป็นการสนับสนุนการใช้พื้นที่ในโรงเรียน และชุมชน เพื่อการทำการผลิตพึ่งตนเองและจัดการเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ของทั้งโรงเรียนและหมู่บ้านชุมชน
4. สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ปรับบทบาทและรูปแบบในการจัดการศึกษาในแนวทางของโรงเรียนร่วมพัฒนา ทั้งในโรงเรียนที่สังกัดท้องถิ่นและโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล
5. ควรเน้นการจัดการศึกษาเพื่อท้องถิ่น ให้คนในชุมชนท้องถิ่นได้มีสถานที่เรียนที่เพียงพอได้ เรียนตามภูมิสังคมของตนเองและยึดโยงกับชุมชน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานการพัฒนาความสามารถต่อไป
6. สนับสนุนการกระจายอำนาจและระบบงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกระดับ
7. เสนอให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดำเนินการให้มีการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรภาคีทุกภาคส่วนในทุกจังหวัด เพื่อเป็นกลไกในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา
8. เสนอให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สนับสนุนให้มีเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในรูปแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนา ในกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่สามารถควบรวมได้และโรงเรียนขนาดกลางในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษา
9. สนับสนุนให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดำเนินงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกระดับตามแนวทาง “การใช้ท้องถิ่นเป็นฐานในการทำงาน” โดยสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานตามแนวคิด “โรงเรียนร่วมพัฒนา”
10. สนับสนุนให้ภาคธุรกิจ เอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนทุนสำหรับการพัฒนารูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา ให้สามารถขยายตัวได้อย่างกว้างขวาง โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้การประกอบอาชีพระหว่างเรียน
11. สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่จังหวัดแต่ละแห่ง สนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา
12. สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น เปิดโอกาสรับนักเรียนเข้าฝึกงาน ฝึกอาชีพเพื่อเตรียมตัวสำหรับการจบการศึกษาเพื่อประกอบอาชีพแลพสามารถพึ่งตนเอง
13. สนับสนุนให้มีการประสานความร่วมมือกันระหว่างองค์กรภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงเรียนภายในจังหวัด เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในระดับจังหวัด และรวมตัวกันเป็นครือข่ายประชาคมหรือสมัชชาจังหวัด เพื่อการปฏิรูปการศึกษาในจังหวัด
14. สนับสนุนให้องค์กรชุมชนและกองทุนต่าง ๆ ในชุมชน เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนสวัสดิการชุมชน กองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมถึงกองทุนอื่น ๆ สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อการประกอบอาชีพ และสามารถพึ่งตนเองพร้อมทั้งแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในชุมชน
15. สนับสนุนให้สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย (สมาคม อบจ.) สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย(สมาคม อบต.) และสภาประชาสังคมไทย ได้เข้าไปมีบทบาทในโรงเรียนในสังกัดของท้องถิ่นระดับต่างๆ โดยมุ่งเน้นการจัดการศึกษาตามแนวคิดโรงเรียนร่วมพัฒนา โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของจังหวัด.
โดย ส.ว.พลเดช ปิ่นประทีป, 9 ธ.ค. 2565