พุ่งเป้าขยายเครือข่ายนวัตกรรมโรงเรียนร่วมพัฒนา | รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 167)

คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนฯ วุฒิสภา มีข้อเสนอแนวนโยบายพุ่งเป้าตัดวงจรความยากจนข้ามรุ่น โดยขยายนวัตกรรมเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนา สร้างพลเมืองรุ่นเยาว์  เพื่อการพิจารณาของรัฐบาล พรรคการเมือง และสาธารณชน ดังนี้ 

Table of Contents

1. เป้าหมาย

ขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาชุมชนตามแนวนโยบายประเทศไทย 4.0  ขยายนวัตกรรมเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนาออกไปอย่างน้อยจำนวน 1,000 แห่ง โดยเน้นการครอบคลุมทุกอำเภอในพื้นที่ 13 จังหวัดยากจน รวมทั้งกระจายไปในจังหวัดอื่นตามความพร้อม จัดระบบการศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency Based Education) สร้างพลเมืองรุ่นเยาว์ที่มีคุณภาพ (Civic Education)  มีทักษะชีวิต มีทักษะอาชีพ และความรู้ตามหลักสูตรพื้นฐาน เป็นฐานรองรับนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่น

2. โรงเรียนปฏิรูปการศึกษาเพื่อชุมชน คือ อย่างไร

โรงเรียนปฏิรูปการศึกษาเพื่อชุมชน

เป็นผลผลิตและนวัตกรรมการศึกษาจากโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) ที่เกิดจากความริเริ่มของรัฐบาลตามนโยบายประเทศไทย 4.0 เมื่อปี 2561 เป็นการพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาแบบใหม่ (Sand box) โดยมอบหมายให้นายมีชัย วีระไวทยะและสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA) เป็นผู้บุกเบิก

เป็นรูปแบบนวัตกรรมทางสังคมในด้านการศึกษาที่บังเกิดผลสัมฤทธิ์ในเชิงประจักษ์ จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษาชุมชนที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ  ปัจจุบันมีเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนาจำนวน 195 แห่งในพื้นที่ 52 จังหวัด และกำลังอยู่ระหว่างการริเริ่มดำเนินการอีก 108 แห่งใน 22 จังหวัด

โมเดลโรงเรียนร่วมพัฒนา

มีลักษณะสำคัญประกอบด้วย การปฏิรูปการศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน, การเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอนแบบฐานความรู้มาเป็นแบบฐานสมรรถนะ, การมุ่งอบรมบ่มสอนให้เด็กนักเรียนมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม เอื้ออาทร เคารพผู้อื่น เป็นประชาธิปไตย มีทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และมีความรู้ตามหลักสูตรพื้นฐานโดยครบถ้วน,

การเปลี่ยนโรงเรียนจากที่เคยเป็นสถานที่ศึกษาของเด็กนักเรียนไปเป็นศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนของคนทุกวัย, และการบริหารจัดการมีความเป็นอิสระ คล่องตัวในรูปแบบของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ประชาสังคมและภาครัฐ.

กระบวนการขับเคลื่อน

ประกอบด้วย 8 กิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. เชื่อมโยงการปฏิรูปโรงเรียนกับขบวนการชุมชนเข้มแข็งที่อยู่โดยรอบ
  2. ฝึกอบรมครู นักเรียน ผู้บริหารโรงเรียน และผู้นำชุมชนให้มีความเข้าใจกระบวนการ
  3. สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์
  4. จัดตั้งแปลงเกษตรที่ทันสมัยในโรงเรียนและในชุมชน โดยหลักการเป็นการเกษตรที่ใช้ดินน้อย น้ำน้อย แรงงานน้อย ราคาดี
  5. ส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการเป็นผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ มีรายได้ระหว่างเรียน จัดตั้งกองทุนเงินออมของนักเรียนเพื่อสนับสนุนกิจการของนักเรียน
  6. จัดตั้งกองทุนเงินออมของชุมชน สนับสนุนการลงทุนของชาวบ้าน
  7. สร้างความั่นคงทางอาหาร เพิ่มรายได้ให้กลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน
  8. ดูแลระบบสาธารณสุข สุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมในชุมชน

3. เสริมสร้างพันธมิตรระหว่างเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนา ประชาสังคมจังหวัดและชุมชนท้องถิ่น 

โรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยมีความร่วมมือของภาคีต่างๆในพื้นที่เป็นฝ่ายสนับสนุน อันได้แก่ ภาคประชาสังคมจังหวัด ภาคธุรกิจเอกชนและส่วนราชการในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายชุมชน และพลังบ้าน-วัด-โรงเรียน 

ทุกฝ่ายร่วมมือกันโดยมีเป้าหมายและความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน  ในที่สุดอาจเกิดการก่อตัวกลายเป็น “ขบวนประชาคมจังหวัดเพื่อการปฏิรูปการศึกษาชุมชน” ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการศึกษาโดยประชาชนจากฐานล่าง ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ   

4. พัฒนาระบบทุนการศึกษาสำหรับเด็กยากจน

เพื่อสนับสนุนให้เด็กยากจนจากครอบครัวที่ยากลำบากมีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพแนวใหม่นี้ ภาคประชาสังคมจังหวัดและองค์กรภาคี ควรจัดให้มีระบบทุนการศึกษาแนวใหม่ โดยมีภารกิจในการค้นหาเด็กยากจนและด้อยโอกาส และจัดหาทุนการศึกษาให้แก่เด็กเหล่านี้ได้เข้าเรียนในโรงเรียนปฏิรูปการศึกษาเหล่านี้ อย่างเพียงพอและต่อเนื่องตลอดเส้นทางการศึกษาของพวกเขา โดยทุนการศึกษานี้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ รวมทั้งเงินสนับสนุนการพัฒนาและบริหารกิจการของโรงเรียนแนวใหม่ด้วย  

5. การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ควรทำบทบาทหลักในการสนับสนุนการขับเคลื่อนนี้ โดยนอกจากการสนับสนุนเชิงนโยบายแล้ว ควรจัดให้มีแผนงาน โครงการ และงบประมาณสนับสนุนกระบวนการจัดการความรู้ เพื่อการขยายเครือข่ายและสร้างนวัตกรรมการปฏิรูปการศึกษาในระดับปฏิบัติการ.

6. ตัวชี้วัด

  • จำนวนโรงเรียนปฏิรูปการศึกษาเพื่อชุมชน (โรงเรียนร่วมพัฒนา) ในภาพรวม 
  • การกระจายตัว และความครอบคลุมพื้นที่ 168 อำเภอ และ 13 จังหวัดยากจนที่เป็นเป้าหมาย
  • จำนวนนักเรียนและชุมชนที่ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนา

โดย ส.ว.พลเดช ปิ่นประทีป, 20 ม.ค. 2566

รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 167)