พุ่งเป้านำพาครัวเรือนยากจนและผู้ยากลำบากให้หลุดพ้น | รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 169)

คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนฯ วุฒิสภา มีข้อเสนอเชิงนโยบายการพุ่งเป้านำพาครัวเรือนยากจนและผู้ยากลำบาก สำหรับกลุ่มที่ยังมีสุขภาพกาย-สุขภาพจิตอำนวย มีทัศนคติและพฤติกรรมเอื้อต่อการพัฒนา 

ให้นำเข้าสู่แนวทางและโครงการพัฒนาศักยภาพและการประกอบอาชีพ ให้หลุดพ้นจากจากสภาวะความยากจนเป็นรายครัวเรือน

1. เป้าหมาย

พุ่งเป้านำพาครัวเรือนยากจนและถูกทอดทิ้งในทุกจังหวัดทั่วประเทศก้าวพ้นความยากจน. มีหลักประกันในด้านอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งหม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค (ปัจจัย 4) รวมทั้งสาธารณูปโภคด้านพลังงานไฟฟ้าและน้ำสะอาด. เข้าถึงสวัสดิการรัฐและสวัสดิการชุมชน. มีกัลยาณมิตรและชุมชนเข้มแข็ง.

2. ระบุครัวเรือนยากจนและผู้ยากลำบากให้ชัดเจน

ในขั้นแรก ค้นหาและระบุตัวคนจนและครัวเรือนยากจนโดยใช้มาตรฐานเส้นความยากจน (Poverty Line) ข้อมูล กชช.2ค. และดัชนีวัดการพัฒนามนุษย์ (Human Achievement  Index – HAI) เป็นแนวทางในการกลั่นกรองและวินิจฉัยความยากจนในระดับชุมชน ท้องถิ่นและพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ  ใช้ จปฐ. เป็นเครื่องมือประเมินระดับความยากจนของครัวเรือน และใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนคนจนและ TPMAP  ในการคัดกรองอย่างคร่าวๆว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ  

ขั้นสุดท้ายใช้กระบวนการทางสังคมโดยชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วม ในลักษณะเดินสำรวจไปด้วยกัน ทำงานกันแบบทีมจิตอาสาที่ผสมผสาน และทำไปอย่างพร้อมเพรียงกันในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ  โดยมีตัวชี้วัดเชิงปฏิบัติการ

“ตัวชี้วัดขาเข้า” ได้แก่

  1. ขาดแคลนปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค
  2. ที่พักอาศัยไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนในเมือง และ กทม.)
  3. ไม่มีสันติสุข ขาดความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนชายแดนใต้)
  4. มีรายได้สุทธิ** ต่ำกว่า 83 บาท/คน/วัน
  5. ขาดกัลยาณมิตร-ชุมชนเข้มแข็ง

สำหรับการพ้นสภาวะครัวเรือนยากจน หรือ “ตัวชี้วัดขาออก”  ที่ใช้เป็นประเด็นและเกณฑ์ประเมินความหลุดพ้นจากภาวะ “ครัวเรือนยากจน” ทั้งในระหว่างและภายหลังการปฏิบัตงานของทีมจิตอาสา ได้แก่ 

  1. มีหลักประกันในด้านปัจจัย 4 (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)
  2. ที่พักอาศัยมีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนในเมืองและกทม.) 
  3. มีสันติสุข ขาดความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนชายแดนใต้)
  4. มีรายได้สุทธิ*** มากกว่า 100 บาท/คน/วัน
  5. มีกัลยาณมิตร-ชุมชนเข้มแข็ง

หมายเหตุ  รายได้สุทธิ** หมายถึง รายได้จริง หักด้วยรายจ่ายประเภทชำระหนี้สินประจำวัน ซึ่งเป็นส่วนใช้จ่ายในการยังชีพประจำวัน  ซึ่งทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่ตัวเงิน แต่สามารถประเมินด้วยมูลค่าผลผลิตหรือการหาอาหารได้มาเพื่อการยังชีพสำหรับ 1 วัน

3. ถักทอเครือข่ายจิตอาสา  ค้นหากลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ 

ถักทอเครือข่ายจิตอาสาโดยใช้พื้นที่อำเภอเป็นฐาน ทีมละ 3-5 คน  องค์ประกอบล้วนเป็น “ผู้ที่แข็งแรง”  และมีใจอาสาสมัครช่วยเหลื่อเพื่อนบ้าน “ผู้ยังอ่อนแอ”  จัดกระบวนการฝึกอบรมก่อนปฏิบัติการ 

ค้นหากลุ่มเป้าหมาย “ที่ใช่” ด้วยวิธีเดินเท้าสำรวจชุมชนอย่างละเอียด วิเคราะห์ 3 กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มที่ 1  สุขภายกาย-สุขภาพจิตไม่อำนวย

กลุ่มที่ 2  สุขภาพกาย-สุขภาพจิตอำนวย แต่ทัศนคติและพฤติกรรมไม่เอื้อ  แนวทางการช่วยเหลือสำหรับสองกลุ่มนี้ คือ เป็นพี้เลี้ยง ประสานหน่วยงานและองค์กรวิสาหกิจชุมชนที่เกี่ยวข้อง นำพาพวกเขาให้เข้าถึงบริการสาธารณะของรัฐและสังคมให้ได้มากที่สุด  

ส่วนกลุ่มที่ 3  สุขภาพกาย-สุขภาพจิตอำนวย ทัศนคติและพฤติกรรมก็เอื้อ  ให้นำเข้าสู่แนวทางและโครงการพัฒนาศักยภาพและการประกอบอาชีพเพื่อการเอาชนะความยากจนแบบพุ่งเป้าต่อไป

3. จับคู่ จัดระบบพี่เลี้ยงจิตอาสา

การค้นหาและเชิญชวน “พี่เลี้ยงที่ใช่” สำหรับทำหน้าที่เป็น “กัลยาณมิตร”ประกบคู่ กับครัวเรือนยากจนแบบ 1 ต่อ 1 หรือเป็นกลุ่มเช่น 3 ต่อ 3  พี่เลี้ยงต้องเป็นผู้มีจิตอาสา สมัครใจ มีเวลาให้ มีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคงแข็งแรง มีประสบการณ์ความรู้ในการประกอบสัมมาชีพและความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นที่รู้จักและยอมรับในสังคมท้องถิ่น

เริ่มจากการช่วยกันจัดทำบัญชีครัวเรือนให้มีรายละเอียดมากขึ้น ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ทั้งในด้านรายได้ รายจ่าย หนี้สิน เงินออม ที่ดินทำกิน ที่พักอาศัย ปัจจัยสี่ สาธารณูปโภค ความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ชีวิต สุขภาพ เครือญาติ เพื่อนบ้าน ฯลฯ

จัดทำโครงการรูปธรรมใน “ขนาดจิ๋ว” เพื่อพัฒนาศักยภาพในการทำมาหากินและประกอบอาชีพ  เป็นโครงการเฉพาะครัวเรือน ที่มีความเป็นไปได้ ใช้งบประมาณน้อย อันอยู่ในวิสัยที่จะระดมทุนรับบริจาคหรือขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรในพื้นที่ได้ง่าย

4. รัฐบาลจัดโครงการสนับสนุนการแก้ความยากจนแบบพุ่งเป้า

รัฐบาลจัดให้มีระบบงบประมาณสนับสนุนโครงการแก้จนรายครอบครัวของกลุ่มเป้าหมาย  มีสำนักงานโครงการเป็นกลไกดำเนินงาน  ให้มีสถานภาพเป็นโครงการพิเศษเฉพาะกิจของรัฐบาล  ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 5 ปี  กรอบงบประมาณไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เมื่อเสร็จภารกิจหรือหมดเวลาตามกำหนดแล้วให้ยุบตัวลงเพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณ

ให้กำกับดูแลโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)และกระทรวงการคลัง  โดยมีสำนักงานบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ความยากจน ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาแล้ว เป็นกลไกดำเนินการ มีองค์กรภาคี “ร่วมปฏิบัติการ” ที่หลากหลาย

อาทิ  สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)  กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  กระทรวง อว. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม

รวมทั้งเครือข่ายสภาประชาสังคมไทย เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน เครือข่ายชุมชนคุณธรรม เครือข่ายสภาวัฒนธรรม เครือข่ายธนาคารคลังสมอง มูลนิธิพัฒนาไท  มูลนิธิพัฒนาประชาสังคม ฯลฯ

5. ตัวชี้วัด 

  • สำรวจทราบและจัดทำระบบฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนและถูกทอดทิ้งที่แม่นยำในทุกจังหวัด
  • สามารถนำพาครัวเรือนยากจนและถูกทอดทิ้งก้าวพ้นความยากจนได้ร้อยละ 80 ภายใน 5 ปี

โดย ส.ว.พลเดช ปิ่นประทีป, 27 ม.ค. 2566

รายงานประชาชน โดย ส.ว.พลเดช (ฉบับที่ 169)