โรงเรียนแก้จนกับนวัตกรรมการศึกษา ที่ศรีสะเกษ

รายงานประชาชน (ฉบับที่ 40/2566)

ในช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีงานทดลอง-พัฒนารูปแบบปฏิรูปโรงเรียน (Sand box) อย่างน้อย 2 โครงการ คือโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาที่นายมีชัย วีระไวทยะ เป็นผู้รับผิดชอบ

โดยมีภาคเอกชนและประชาสังคมสนับสนุน ดำเนินการกันขึ้นมาจากฐานล่าง ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมประมาณ 300 แห่ง ส่วนอีกโครงการหนึ่งเป็นการขับเคลื่อนตาม พรบ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 ดำเนินการจากบนลงล่าง ปัจจุบันมีพื้นที่นำร่อง 19 จังหวัด รวม 1,409 แห่ง

เมื่อทราบว่า ที่จังหวัดศรีสะเกษมีการดำเนินงานครบทั้ง 2 รูปแบบ กรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนฯ วุฒิสภา จึงได้เดินทางลงไปดูงานและจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลละทาย อำเภอกันทรารมย์ โดยเชิญทีมผู้บริหาร-ครูผู้สอน 8 โรงเรียน และหัวหน้าส่วนราชการศึกษาธิการจังหวัดเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้มองเห็นแนวทางในการทำงานปฏิรูปการศึกษาแบบสานพลังในระดับโรงเรียนและพื้นที่

” โรงเรียนแก้จนกับนวัตกรรมการศึกษา ที่ศรีสะเกษ ” รายงานประชาชน (ฉบับที่ 40/2566)

กลุ่มโรงเรียนร่วมพัฒนา

กิจกรรมหลักที่ดำเนินการร่วมกัน ได้แก่ การปรับจูนวิธีคิดของครูและผู้นำชุมชน ปรับกระบวนการเรียนการสอน จัดทำแปลงเกษตรของโรงเรียน เป็นฐานเรียนรู้ สนับสนุนกิจกรรมธุรกิจนักเรียน และกิจกรรมสร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุในชุมชน อาทิ

  • โรงเรียนบ้านสร้างมิ่งมิตรภาพที่ 191 จังหวัดยโสธร มุ่งจัดการศึกษาให้มีคุณภาพมาตรฐาน บริหารด้วยธรรมาภิบาล มีความเป็นเลิศด้านวิชาการและกีฬา มีนักเรียน 94 คน 11 ห้องเรียน 
  • โรงเรียนบ้านเสียว จังหวัดศรีสะเกษ มีวิสัยทัศน์ “วิชาการเลิศ เชิดชูสถาบัน สัมพันธ์ชุมชน”,  ปรัชญา “ขุมภูมิปัญญาท้องถิ่น มุ่งสู่สากล” มีนักเรียน128 คน 10 ห้องเรียน
  • โรงเรียนบ้านละทาย จังหวัดศรีสะเกษ มีนักเรียน 138 คน 8 ห้องเรียน พัฒนาฐานเรียนรู้แปลงเกษตรกรรม และยังเป็นศูนย์ผู้สูงอายุของชุมชนด้วย
  • นอกจากนั้น ยังมีโรงเรียนบ้านโนนแสงคำ โรงเรียนค้อเมืองแสน และโรงเรียนบ้านโนนคูน ที่ร่วมดำเนินการทั้งสองรูปแบบในเวลาเดียวกัน

โรงเรียนในโครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา

จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดนำร่องทำทดลอง-พัฒนาเป็นรุ่นแรก ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมจำนวน 163 แห่ง(จากทั้งหมด 1,060 แห่ง) แบ่งเป็นโรงเรียนสังกัด สพป. (ประถมศึกษา) 4 เขต 118 แห่ง, สพม. (มัธยมศึกษา) 16 แห่ง, ศธจ. (เอกชน) 4 แห่ง และอปท. (ท้องถิ่น) 25 แห่ง

จากการดำเนินการในปีที่ 1 จำนวน 50 โรงเรียน ได้มีการนำนวัตกรรมการเรียนรู้ต่างๆมาใช้ รวม 7 รูปแบบ ได้แก่

1) นวัตกรรมจิตศึกษา จัดการศึกษาเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL/PLC) ใน 24 โรงเรียน

2) จัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (BBL) มี 8 โรงเรียน 

3) มอนเตสซอรี  (Montessori) มี 8 โรงเรียน

4) การเรียนการสอนแบบองค์รวม มี 5 โรงเรียน 

5) การศึกษาชั้นเรียนและการศึกษาแบบเปิด มี 4 โรงเรียน 

6) เพาะพันธุ์ปัญญา  มี 3 โรงเรียน

7) โครงงาน/โครงการ (Project Approach) มี 1 โรงเรียน 

ในเรื่องนี้ มีความเห็นเพิ่มเติมบางประการจากฝ่ายบริหารของกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่ว่า ศรีสะเกษมีโครงการเชิงนวัตกรรมมากมาย หลายโครงการได้รับรางวัลในระดับชาติ เช่น การแข่งขันสารานุกรมระดับชาติ, โครงการพาน้องกลับมาเรียน ช่วยเด็ก 1,324 คนกลับมาได้ทั้งหมด, โครงการพูด-อ่าน-เขียนสำหรับเด็กเรียนรู้ช้า 2,700 คน, โครงการพัฒนาพฤติกรรมนักเรียน ทำให้เรื่องยาเสพติดและการบูลลี่ลดลง, ในขณะเดียวกันยังมีปัญหาสำคัญอยู่ที่บุคลากร อีกทั้งระบบงบประมาณแบบ Block Grant ยังไม่เป็นจริง จึงมีแผนงานที่จะจัดให้มีสมัชชาการศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสานพลัง 

ส่วนเสียงสะท้อนจากครูปฏิบัติการ จากโรงเรียนบ้านโนนคูน ซึ่งลุกขึ้นมายืนยันค่อนข้างหนักแน่นว่า 

“เห็นการเปลี่ยนแปลงจากการร่วมโครงการอย่างชัดเจน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน แก้ความยากจนได้จริง เด็กมีรายได้แบบรายวัน-รายเดือน เป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เด็กมีปัญญาติดตัว สามารถเป็นเกษตรกรแบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์  ในอดีตครูจะทำกิจกรรมเสริมอะไรให้กับเด็กก็จะต้องควักกระเป๋าตัวเอง ปัจจุบันโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาได้ให้โอกาส แต่ก่อนผู้ปกครองไม่เคยเข้าโรงเรียน ปัจจุบันขยันเข้ามาสอนเด็กทำการเกษตร”

สำหรับผู้แทนจากภาคประชาสังคม มีข้อเสนอแนะให้โรงเรียนทั้ง 5 แห่งในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา เกาะกลุ่มทำงานร่วมกันให้เหนียวแน่น ในลักษณะเป็นเครือข่าย จัดทำองค์ความรู้จากการปฏิบัติให้เป็นหลักสูตรชุมชน และอยากให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดให้มีผู้รับผิดชอบมาร่วมทำงานกับโครงการด้วย.

ส.ว.พลเดช ปิ่นประทีป / 30 ตุลาคม 2566